เชพ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการเช่าพาเลทหมุนเวียนระดับโลก ชูงานวิจัย LCA พาเลทไม้รายแรกของไทย ช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

คุณสรจักร มงคลศรี Country General Manager – South East Asia (ผู้จัดการทั่วไป – ประจำภาคพื้น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) บริษัท เชพ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการให้บริการเช่าพาเลทกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขาทั้งหมด 60 ประเทศทั่วโลก โดยให้บริการเช่าบรรจุภัณฑ์ที่ใช้หมุนเวียน ไม่ว่าจะเป็นพาเลทไม้ หรือพาเลทพลาสติก ที่ใช้ในประเทศ และใช้ในการส่งออกต่างประเทศ ปัจจุบันมีพาเลทให้เช่ามากกว่า 2 ล้านพาเลท และยังมีบรรจุภัณฑ์ IBC – Pallecon สำหรับบรรจุผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวและป้องกัน การปนเปื้อนรวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ ที่เป็นกล่องและลังสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์อีกกว่า 1 แสนกล่อง โดยมีศูนย์บริการทั้งหมด 3 แห่ง ในอำเภอวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา อำเภอบางเสาธง จ.สมุทรปราการ และในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี

เชพ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการเช่าพาเลทหมุนเวียนระดับโลก ชูงานวิจัย LCA พาเลทไม้รายแรกของไทย ช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

“กลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ จะมีตั้งแต่กลุ่มโรงงานผู้ผลิต โมเดิร์นเทรด กลุ่ม Warehouse and Logistics ไปจนถึงกลุ่มผู้จัดจำหน่าย พาเลทเชพเริ่มใช้ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต เมื่อผลิตสินค้าเสร็จ สินค้าจะถูกแพคและวางบนพาเลท จัดเก็บตามระบบจัดเก็บของลูกค้าหลังจากนั้นสินค้าของลูกค้าจะถูกกระจายไปขายตามห้างสรรพสินค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต โมเดิร์นเทรดต่างๆ เช่น โลตัส แมคโคร 7-11 พอใช้เสร็จก็สามารถส่งต่อให้ลูกค้ารายอื่นใช้ต่อได้ หรือคืนมาที่ศูนย์บริการของเราเพื่อบำรุงรักษาก็ได้อีกเช่นกัน เมื่อพาเลทกลับมาถึงเราแล้ว เราจะทำการบำรุงรักษา และจัดเตรียมพาเลทไว้ให้ลูกค้าที่ต้องการใช้ในทุกวัน  ก็จะวนเป็นระบบแบบนี้ หรืออธิบายง่ายๆ ก็คือตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เชพก็สามารถให้บริการได้ครบทุกกลุ่ม ด้วยระบบของเชพเองคือหลักการ Circular Economy คือการ Share, repair, reuse หมุนเวียนกันไป ข้อดีของแนวความคิดนี้คือจะไม่ทำให้เกิดของเสีย (Waste) เพราะพาเลทถูกหมุนเวียนเหมือนการส่งต่อไปเรื่อยๆ ตาม Supply chain หรือ Demand ของตลาด เปรียบเทียบกับ One way pallet การใช้พาเลทหมุนเวียนหรือพาเลทเช่า จะเป็นการลดต้นทุนในการที่ต้องซื้อพาเลทจำนวนมาก เพราะเชพคิดค่าเช่าเป็นรายวัน และลูกค้าสามารถเบิกหรือคืนได้ตามความต้องการการใช้งานของลูกค้า เดือนนี้ใช้เยอะ ก็เช่าเยอะ เดือนหน้าไม่ใช้ก็เอามาคืน คนอื่นก็เอาไปใช้ต่อได้ ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของบริษัทฯ ในด้านความยั่งยืน” คุณสรจักร กล่าว

คุณสรจักร ยังกล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจได้เติบโดขึ้นตาม Volume ของเศรษฐกิจ เพราะคนใช้สินค้า อุปโภคบริโภคกันเป็นจำนวนมาก มีการจับจ่ายใช้สอยเยอะขึ้น Activity ใน Supply chain จึงเพิ่มขึ้นตาม สอดคล้องไปกับการโตของ GDP ในแต่ละประเทศทั่วโลกว่าเขามีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างไร มีการขยายตัวของ Supply chain แค่ไหน ก็จะมีการใช้พาเลทมากขึ้นตามไปด้วย หากมองภาพรวมทั่วโลก ต้องบอกว่าเชพเป็นผู้นำและผู้ริเริ่มธุรกิจการให้เช่าหมุนเวียน ไม่ว่าจะเป็น ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกาใต้ รวมถึงภูมิภาคเอเชีย โดยมีสัดส่วนทางการตลาดสูงถึง 80-90%

ทางด้าน คุณกมลวรรณ ไชยพุทธา  Head of Marketing and Sustainability (หัวหน้าฝ่ายการตลาดและ ทรัพยากรความยั่งยืน) บริษัท เชพ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า จุดเด่นพาเลทไม้ของบริษัทฯ เรานำไม้มาจากป่าปลูกทดแทน 100% ถือเป็นความมุ่งมั่นของเชพ ในการริเริ่มนโยบายด้านความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งเริ่มทำตั้งแต่ปี 2016 โดยตั้งเป้าหมายเฟสละ 5 ปี คือ เฟสที่ 1 ปี 2016-2020 เราเริ่มเปลี่ยนแหล่งไม้เพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เรามีข้อกำหนดว่าไม้ที่เราซื้อต้องมาจากป่าปลูกทดแทนเท่านั้น ซึ่งป่าปลูกทดแทนหมายถึง ป่าที่เราปลูกต้นไม้ทดแทนทุกต้นที่ถูกตัดไปโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ของป่านั้น ๆ ป่าปลูกทดแทนจะต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานหรือองค์กรที่ได้รับการ ยอมรับให้เป็นมาตรฐานระดับโลก ซึ่งหลัก ๆ เราได้รับการรับรองจากองค์กร FSC (Forest Stewardship Council) และ PEFC (Programme for the Endorsement of Forest Certification) ว่าแหล่งไม้ที่เรานำมาใช้ประกอบพาเลทนั้น 100% มาจากป่าปลูกเพื่อความยั่งยืน และปัจจุบันตอนนี้เราอยู่ในเฟส 2 ซึ่งอยู่ในช่วงปี 2021-2025 โดยเชพมีนโยบายลดผลกระทบเชิงลบ และสร้างผลกระทบในเชิงบวก เมื่อเรานำไม้จากป่าทดแทนมาใช้จำนวนเท่าใด เราต้องปลูกคืนให้ 2 เท่าของที่เรานำมาใช้ เพื่อเป็นการสร้างผลกระทบในเชิงบวกกลับไปหาสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งหมายรวมถึงนโยบายในการดูแลบุคลากรของเรา เชพเองมีจุดยืนในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานขององค์กรให้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเพศหรือศาสนาและความหลากหลายอื่น ๆ นอกจากนั้นเรายังมีแผนพัฒนาบุคลากรของเราอย่างต่อ เนื่องเพื่อเพิ่มพูนศักยภาพของบุคลากรในองค์กร เปิดโอกาสให้พนักงานของเรากล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ การพัฒนาบุคลากรยังรวมไปถึงเรื่องของความปลอดภัย และสภาพจิตใจของพนักงานที่เน้นเรื่อง Well-being และ Psychological safety ทำให้ปัจจุบันเชพ เป็นองค์กรที่ได้รับรางวัล Top employer ติดต่อกัน 3 ปีซ้อนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย

“ปัจจุบันเราได้มีการทำงานวิจัยเรื่องการประเมินวัฏจักรการใช้งานของพาเลทไม้ หรือที่เรียกว่า LCA (Life Cycle Assessment) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นำโดย ศ.ดร.แชบเบียร์ ฮูสเซนี กีวาลา อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัยร่วมและพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินวัฏจักรชีวิต ของผลิตภัณฑ์รวมไปถึงความยั่งยืนของระบบพลังงานและด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ในการร่วมมือกันครั้งนี้มี จุดประสงค์เพื่อประเมินวัฏจักรของการใช้พาเลทไม้แบบหมุนเวียนของเชพในประเทศไทย เปรียบเทียบกับพาเลทไม้ทั่วไป ว่าส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร ทั้งนี้การประเมินวัฎจักรการใช้งานพาเลทไม้ของเชพ (LCA) ต้องทำในแต่ละประเทศเท่านั้น ไม่สามารถนำผลการรับรองของประเทศอื่นๆ มาปรับใช้กับประเทศไทยได้

ในการศึกษาและพัฒนาวัฎจักรชีวิตของพาเลทไม้ของเชพ เป็นการเก็บข้อมูลแบบ Craddle to Grave เริ่มจากการเก็บรวบรวมข้อมูลของแหล่งไม้ที่มาจากป่าทดแทน การประกอบพาเลทที่โรงงาน การบำรุงซ่อมแซมที่ ศูนย์บริการของเชพ การขนส่ง เป็นต้น ไปจนถึงการสิ้นอายุขัยของพาเลทและการนำพาเลทที่หมดอายุไขแล้ว ไปใช้ประโยชน์ต่อให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นการนำไปทำปุ๋ย ทำเฟอร์นิเจอร์ หรือถ่าน นอกจากนั้นทีมนักวิชาการยังได้ ทำการเก็บข้อมูลจากผู้ใช้งานจริงของลูกค้าของเชพทั้งหมด 4 ราย คือ เซนทรัล โฮมโปร บุญรอดซัพพลายเชนและ DHL และภายหลังจากการศึกษาครบ 1 ปี นักวิชาการได้รวบรวมผลทั้งหมดนำมาคำนวณ ผลปรากฎว่า พาเลทไม้ของเชพ ทั้งหมด 2 ล้านตัว ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยลดการตัดต้นไม้ไปได้ถึง 2.5 ล้านต้น ลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 561 ล้านตัน ลดการใช้น้ำไปได้ 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเทียบเท่าได้กับสระว่ายน้ำโอลิมปิค 1,209 สระ และลดขยะไปได้ถึง 0.3 ล้านตัน โดยผล LCA ของพาเลทไม้เชพนั้น ได้ถูกรับรองโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลไทย ยิ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของเชพในด้านความยั่งยืนในการช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและแนวคิดด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างเป็นรูปธรรม” คุณกมลวรรณ กล่าว

คุณภัทรดา ไกรคุ้ม Head of Sales and Customer Service (หัวหน้าฝ่ายขายและลูกค้าสัมพันธ์) บริษัท เชพ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงจุดประสงค์หลักนอกเหนือจากการประชาสัมพันธ์เรื่องแนวทาง ความยั่งยืนของเชพแล้วนั้น ยังเป็นการขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตามที่ได้กล่าวไปเบื้องต้น การใช้พาเลทเชพ 1 ตัว สามารถลดการตัดต้นไม้ไปได้ถึง 1.3 ต้น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ไปได้ 14 kg ลดการใช้น้ำและการเกิดขยะ เพราะฉะนั้นการเป็นคู่ค้าในการใช้บริการเช่าพาเลทไม้ของเชพ ลูกค้าทุกท่านต่างก็มีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น

จึงเป็นที่มาของการจัดงาน Bowling Night Strike Some Fun เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่อลูกค้าที่ไว้วางใจใช้ บริการเชพมาอย่างยาวนาน และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทุกๆ องค์กรที่เลือกใช้บริการของทางเชพว่าพวกเขา ก็มีส่วนช่วยในการลดปัญหา สิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน” คุณภัทรดากล่าว

อ่านเพิ่ม
Sidebar
TIK TOK
รีวิวโครงการ
รีวิว ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง (Supalai River Ville Rayong) บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Tropical Series ฟีลดีติดริมแม่น้ำ ทำเลคุณภาพใจกลางเมืองระยอง
Sponsor
รีวิว ศุภาลัย เบลล่า พระราม 2-วงแหวน ครบครันทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองยุคใหม่ในโซนพระราม 2-สมุทรสาคร
Sponsor
รีวิว ศุภาลัย วิลล์ ปิ่นเกล้า-ศาลายา บ้าน Design ใหม่ พื้นที่ใหญ่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ทุก Lifestyle เป็นส่วนตัวเพียง 66 แปลง ส่วนกลางครบครัน บนทำเลที่โดดเด่น โซนปิ่นเกล้า-ศาลายา
Sponsor
รีวิว บ้านกรีนเฮ้าส์ รังสิต สเตชั่น-ซ.เวิร์คพอยท์ คอนโดแนวคิดใหม่ สไตล์ทาวน์โฮม 2 ชั้น 2 นอน 2 น้ำ บนทำเลรังสิต-ปทุมฯ ใกล้ทางด่วนฯ, โทลล์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีรังสิต
Sponsor
รีวิว นิรติ ดอนเมือง (NIRATI DONMUEANG) บ้านและทาวน์โฮม NEW SERIES 2.5 ชั้น พร้อมส่วนกลางกว่า 4 ไร่* ที่สุดของทำเลศักยภาพ เพียง 5 นาที* ถึงสนามบินดอนเมือง
Sponsor
Loading..