การจัดฟันแบบใสกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยความสวยงามและความสะดวกสบายในการใช้งาน แต่การเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะแต่ละแบรนด์มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน วันนี้เราจะมาแนะนำ 14 แบรนด์จัดฟันแบบใสยอดนิยม พร้อมวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของแต่ละยี่ห้อ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
1. Invisalign
Invisalign เป็นแบรนด์แรก ๆ ที่มีการใช้เทคโนโลยีการจัดฟันแบบใสระดับโลก ดูแลโดยบริษัท Align Technology ประเทศสหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ด้วยเทคโนโลยี Smart Track Material ที่ช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมระบบ ClinCheck ที่ช่วยจำลองผลลัพธ์การรักษาได้แม่นยำ
ข้อดี
- เทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในวงการจัดฟันแบบใส
- มีประสบการณ์และความน่าเชื่อถือสูง
- วัสดุคุณภาพดี ใส่สบาย ไม่ระคายเคือง
- การันตีผลการรักษาจากผู้ใช้งานทั่วโลก
- มีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรองรับจำนวนมาก
ข้อเสีย
- ราคาสูง
- ระยะเวลารอคิวนาน
- ต้องพบทันตแพทย์บ่อยครั้ง
- ไม่เหมาะกับผู้มีงบประมาณจำกัด
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมระหว่างการรักษา
2. ดี-aligner
ดี-aligner เป็นแบรนด์จัดฟันแบบใสของไทยที่เริ่มให้การรักษาครั้งแรกในปี 2020 พัฒนาโดยทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคลินิก Smile Seasons ซึ่งเปิดให้บริการมากว่า 10 ปี นำโดยทันตแพทย์ธนิตย์ วนิชนพรัตน์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดฟัน ปัจจุบันมีเคสการรักษาที่ประสบความสำเร็จมากกว่า 2,000 เคส ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยในการออกแบบและผลิตเครื่องมือจัดฟันด้วยระบบดิจิทัล (Digital Dentistry) ที่จะทำการสแกนฟันแบบ 3 มิติ เพื่ออกแบบการเรียงตัวของฟันให้มีความสวยงาม ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงลักษณะที่ดีของฟันร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสบฟัน และลักษณะการอูมของปากให้เข้ากับใบหน้า ซึ่งช่วยวางแผนการรักษาได้แม่นยำ ที่สำคัญ ดี-aligner เป็นแบรนด์จัดฟันแบบใสที่มีราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่าการจัดฟันแบบใสยี่ห้ออื่น ๆ ในท้องตลาด ช่วยให้ผู้ที่ต้องการจัดฟันแบบใสสามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้นข้อดี
- ใช้เทคโนโลยี Digital Dentistry จากอเมริกา
- เจ็บน้อยกว่าและจัดฟันเสร็จเร็วกว่าแบบ Metal bracket
- ได้รับเครื่องมือจัดฟันเร็ว เนื่องจากมีแล็บผลิตเป็นของแบรนด์เองตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ
- ราคาคุ้มค่า ไม่มีเก็บค่าใช้จ่ายยิบย่อย เช่น ค่าสแกนฟัน 3D ที่บางแบรนด์จะคิดเพิ่ม
- มีคุณหมอและที่ปรึกษาประจำตัวคอยดูแลให้คำแนะนำตลอดการรักษา
ข้อเสีย
ปัจุบันในปี 2025 เครื่องมือจัดฟันใส ดี-aligner ยังเน้นให้การรักษาคนไข้ภายในกรุงเทพฯ จึงยังไม่รองรับคลินิกในต่างจังหวัด ทำให้ผู้ที่ต้องการจัดฟันใสกับ ดี-aligner ต้องเดินทางเข้ามารับบริการในกรุงเทพฯ เท่านั้น
BeMe
BeMe เป็นแบรนด์จัดฟันแบบใสจากบริษัท Modern Dental Group ฮ่องกง ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพิมพ์ 3D ทางการแพทย์มากว่า 10 ปี มาพร้อมกับนวัตกรรมการจัดฟันที่ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีการสแกนและวางแผนการรักษาแบบดิจิทัล พร้อมระบบติดตามผลการรักษาผ่านแอปพลิเคชัน
ข้อดี
- ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3D คุณภาพสูง
- มีระบบติดตามผลการรักษาที่ทันสมัย
- ราคาสมเหตุสมผล
- มีประสบการณ์ด้านทันตกรรม
- การบริการหลังการขายที่ดี
ข้อเสีย
- เป็นแบรนด์ใหม่
- จำนวนคลินิกที่ให้บริการยังมีจำกัด
- ระยะเวลารอคอยอุปกรณ์ค่อนข้างนาน
- มีข้อจำกัดบางกรณีในการรักษา
- ต้องส่งข้อมูลไปผลิตที่ต่างประเทศ
4. ClearSmile
ClearSmile เป็นผู้นำด้านการจัดฟันแบบใสจากสิงคโปร์และเป็นแบรนด์แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการนำนวัตกรรมการผลิตที่สามารถปรับความหนาของอุปกรณ์ได้ตามความเหมาะสม ช่วยให้การเคลื่อนฟันมีประสิทธิภาพสูงกว่าการจัดฟันแบบใสทั่วไปถึง 30%
ข้อดี
- มีอุปกรณ์ให้เลือกหลายระดับ
- การเคลื่อนฟันมีประสิทธิภาพสูง
- มีประสบการณ์ในการจัดฟันแบบใส
- วัสดุคุณภาพดี ไม่ระคายเคือง
- การรับประกันผลการรักษาที่ชัดเจน
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง
- ระยะเวลารักษาอาจนานกว่าบางแบรนด์
- ต้องเดินทางไปคลินิกบ่อย
- มีความรู้สึกไม่สบายปาก เมื่อเปลี่ยนความหนา
5. Crystal Smile
Crystal Smile เป็นแบรนด์จัดฟันแบบใสจากสหรัฐอเมริกา ที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี 3D ในการวางแผนการรักษา โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบตามความต้องการของทันตแพทย์ เพื่อให้ได้รูปแบบการจัดฟันใสที่มีราคาย่อมเยากว่า แต่ยังคงคุณภาพมาตรฐานระดับสากล
ข้อดี
- ราคาประหยัดกว่าแบรนด์ชั้นนำ
- วัสดุคุณภาพดี มีสีที่กลมกลืนกับสีฟัน
- มีโปรแกรมการรักษาให้เลือกหลากหลาย
- ระบบวางแผนการรักษาที่แม่นยำ
- มีเทคนิคและความเชี่ยวชาญในการรักษา
ข้อเสีย
- มีข้อจำกัดในการรักษาบางกรณี
- ระยะเวลารอคอยอุปกรณ์นาน
- จำนวนคลินิกให้บริการยังไม่มาก
- ต้องส่งผลิตที่ต่างประเทศ
6. Dr Clear Aligners
Dr Clear Aligners เป็นแบรนด์จัดฟันแบบใสที่ผลิตในสิงคโปร์และได้รับการดูแลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากเยอรมนี มีการเลือกใช้วัสดุ Zendura FLX คุณภาพสูง ที่มีความโปร่งใสและน้ำหนักเบา ช่วยให้รู้สึกสบายเวลาสวมใส่ มาพร้อมบริการทันตกรรมครบวงจรและผลิตภัณฑ์เสริมที่หลากหลาย
ข้อดี
- มาตรฐานการผลิตระดับสากล
- วัสดุคุณภาพสูง ใส่สบาย
- บริการครบวงจร
- ราคาสมเหตุสมผล
- มีผลิตภัณฑ์เสริมครบครัน
ข้อเสีย
- ระยะเวลารักษาอาจนานกว่าบางแบรนด์
- ต้องรอการผลิตจากต่างประเทศ
- จำนวนคลินิกยังไม่ครอบคลุม
- ข้อจำกัดในการรักษาบางกรณี
7. 3D Ortho Aligner
3D Ortho Aligner เป็นแบรนด์จัดฟันแบบใสสัญชาติไทยที่เน้นการดูแลสุขภาพฟันแบบองค์รวม นอกเหนือจากการจัดฟันให้สวยงาม ยังให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพฟันระหว่างการจัดฟัน ด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงสรีระช่องปากของคนไทยโดยเฉพาะ
ข้อดี
- เข้าใจสรีระฟันคนไทย
- ดูแลสุขภาพฟันแบบองค์รวม
- ราคาเหมาะสม
- ผลิตในประเทศ ทำให้มีความรวดเร็ว
- มีบริการดูแลหลังการรักษาที่ดี
ข้อเสีย
- ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก
- ประสบการณ์น้อยกว่าแบรนด์ต่างชาติ
- จำนวนคลินิกมีจำกัด
- อาจมีข้อจำกัดในบางเคส
- ระบบติดตามผลยังไม่ทันสมัยเท่าบางแบรนด์
8. NP Clear
NP Clear เป็นแบรนด์จัดฟันแบบใสของไทยที่ใช้มาตรฐานการผลิตระดับอเมริกา เป็นรูปแบบการจัดฟันใสที่มีคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมราคาแพ็กเกจที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละคน
ข้อดี
- ราคาเข้าถึงได้
- มาตรฐานการผลิตระดับสากล
- มีแพ็กเกจหลากหลายให้เลือก
- การบริการที่รวดเร็ว
- ผลิตในประเทศ
ข้อเสีย
- แบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก
- จำนวนคลินิกยังไม่มาก
- การรับประกันผลอาจไม่ครอบคลุม
- ระบบติดตามผลยังไม่ทันสมัย
9. Selfie
Selfie เป็นแบรนด์จัดฟันแบบใสที่เน้นความสะดวกสบายในการเข้าถึงบริการ ด้วยระบบการพิมพ์ฟันที่ยืดหยุ่น สามารถเลือกพิมพ์ฟันได้ทั้งที่คลินิก สตูดิโอ หรือที่บ้าน เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัดและต้องการความคล่องตัวในการรักษา
ข้อดี
- ความสะดวกในการเข้าถึงบริการ
- มีทางเลือกในการพิมพ์ฟันหลากหลาย
- ไม่ต้องพบทันตแพทย์บ่อย
- ราคาประหยัด
- ระบบติดตามผลออนไลน์ที่ดี
ข้อเสีย
- ความแม่นยำอาจน้อยกว่าการพิมพ์ที่คลินิก
- อาจมีความเสี่ยงหากพิมพ์ฟันเองไม่ถูกต้อง
10. Smile Tru
Smile Tru เป็นแบรนด์อุปกรณ์จัดฟันใสจากสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงไม่น้อยหน้าแบรนด์อื่น ๆ ด้วยการออกแบบที่ใช้เทคโนโลยี 3D ที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์การจัดฟันก่อนเริ่มใช้งานจริง ผ่านการเปรียบเทียบด้วย Digital File ทำให้ผู้ใช้สามารถมั่นใจในผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการ
ข้อดี
- ใช้เทคโนโลยี 3D ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ก่อน
- ผลิตจากห้องแล็บในสหรัฐอเมริกา
- ขั้นตอนการออกแบบที่แม่นยำ
- มีสาขาให้บริการทั่วโลก
- ช่วยให้การจัดฟันใส่สะดวกและไม่เสียเวลา
ข้อเสีย
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่าบางแบรนด์
- อาจต้องรอการผลิตนาน
- ใช้งานได้เฉพาะในคลินิกที่มีสาขา
- การรับประกันอาจจำกัด
11. Käse Aligner
Käse Aligner เป็นแบรนด์จัดฟันใสที่ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยและเน้นการปรับแต่ละส่วนของฟันให้เข้ากับปัญหาที่ผู้ใช้แต่ละคนพบ ปุ่มที่ติดกับฟันได้รับการออกแบบมาอย่างละเอียดเพื่อให้ผลลัพธ์การจัดฟันได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ข้อดี
- ผลิตจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- ออกแบบปุ่มติดฟันตามลักษณะฟันของผู้ใช้
- มีการติดตามผลการรักษาตลอดกระบวนการ
- เห็นผลลัพธ์เร็ว
- สะดวกสบายในการใส่และถอด
ข้อเสีย
- อาจมีค่าใช้จ่ายสูง
- ใช้เวลานานในการปรับฟัน
- อุปกรณ์อาจต้องการการดูแลมาก
- อาจมีความรู้สึกไม่สะดวกในช่วงเริ่มต้น
- บางครั้งการติดตามผลอาจไม่ต่อเนื่อง
12. Clear Correct
Clear Correct เป็นแบรนด์จัดฟันใสที่มีห้องแล็บในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เน้นการทำงานร่วมกับทันตแพทย์เพื่อวางแผนการจัดฟันที่ยืดหยุ่นและสะดวกสบายให้ผู้ใช้งาน ได้รับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยวัสดุที่มีคุณภาพ
ข้อดี
- ใช้โพลียูรีเทน (PU) ในการผลิต
- วัสดุแข็งแรงและทนทาน
- การออกแบบอุปกรณ์เฉพาะบุคคล
- คงทนต่อการใช้งานระยะยาว
- ไม่เกิดคราบง่าย
ข้อเสีย
- ค่าใช้จ่ายสูง
- อาจต้องใช้เวลาในการผลิต
- อาจต้องปรึกษาทันตแพทย์บ่อย
- อุปกรณ์บางชิ้นอาจไม่สะดวก
13. Zenyum
Zenyum เป็นแบรนด์ที่ไม่ได้เป็นแค่เพียงการจัดฟันใสเท่านั้น แต่ยังมีบริการดูแลผู้ใช้ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการรักษา มีแอปพลิเคชันสำหรับช่วยเตือนให้เปลี่ยนอุปกรณ์ในเวลาที่เหมาะสม พร้อมทั้งการติดตามผลจากทันตแพทย์อย่างต่อเนื่อง
ข้อดี
- บริการครบวงจรตั้งแต่เริ่มจนจบ
- แอปพลิเคชันช่วยจัดการการรักษาที่สะดวก
- มีทีมทันตแพทย์จากสิงคโปร์ดูแล
- มาตรฐานเดียวกันทุกประเทศ
- มีสาขาจำนวนมากในเอเชีย
ข้อเสีย
- ค่าใช้จ่ายสูง
- อุปกรณ์อาจต้องการการดูแลบ่อย
- ผู้ใช้บางรายอาจไม่สามารถปรับตัวได้เร็ว
- อาจต้องใช้เวลาจึงจะเห็นผลลัพธ์
14. BeforeDent
BeforeDent เป็นแบรนด์จัดฟันแบบใสสัญชาติไทยที่ใช้วัสดุคุณภาพสูงจากเยอรมนี ปราศจากสาร BPA ที่อาจเป็นอันตราย ช่วยให้ได้ผลิตภัณฑ์ในการจัดฟันใสที่มีคุณภาพ ราคาย่อมเยา ทำให้เข้าถึงได้ง่ายกว่า พร้อมระบบติดตามผลการรักษาออนไลน์ที่ทันสมัย
ข้อดี
- ราคาประหยัดที่สุดในตลาด
- วัสดุปลอดภัย ได้มาตรฐาน
- ระบบติดตามผลออนไลน์ที่สะดวก
- ไม่ต้องพบทันตแพทย์บ่อย
- มีแพ็กเกจให้เลือกหลากหลาย
ข้อเสีย
- แบรนด์ค่อนข้างใหม่
- การรับประกันผลอาจไม่ครอบคลุม
- จำนวนคลินิกยังมีจำกัด
- อาจต้องรอคิวนาน
สรุป
การเลือกจัดฟันแบบใสนั้นควรพิจารณาหลายปัจจัย ทั้งงบประมาณ ความซับซ้อนของปัญหาฟัน และความสะดวกในการเข้ารับการรักษา แต่ละแบรนด์มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกแบรนด์ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด สำหรับใครที่มีปัญหาการเรียงตัวของฟัน ฟันเก ฟันห่าง อยากจัดฟันให้เรียงตัวสวยงาม Smile Seasons คลินิกทันตกรรม เรามีบริการจัดฟันแบบใส ด้วยทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการจัดฟันแบบใส ช่วยให้คุณมีรอยยิ้มที่มั่นใจ
