ดัชนีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2567

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) โดย  ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล  ในไตรมาส 2 ปี 2567 มีค่าดัชนีเท่ากับระดับ 39.6 ซึ่ง เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 (QoQ) ที่มีค่าดัชนีเท่ากับระดับ 39.2 โดยเป็นระดับความเชื่อมั่นที่ต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังคงมีความเชื่อมั่นในระดับเกณฑ์ต่ำ แม้ว่าในช่วงเดือนต้นเดือนเมษายน 2567 รัฐบาลได้ออกมาตรการ มาเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยออกมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนฯ และ ค่าจดจำนอง เหลือประเภทละร้อยละ 0.01 ให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 7.00 ล้านบาท เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับคนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในวันโอนกรรมสิทธิ์ และยังมีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้แก่ โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home วงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 3.00 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life วงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท สำหรับบ้านราคาตั้งแต่ 2.50 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อช่วยให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ ช่วยกระตุ้นให้ตลาดที่อยู่อาศัยมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยยังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยลบหลายด้าน เช่น (1) การยกเลิกการผ่อนคลายมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (2) ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงมีอัตราส่วนที่สูงกว่าร้อยละ 90 ของ GDP ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สถาบันการเงินต้องเพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ ทำให้พบการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินในสัดส่วนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อย-ปานกลาง (3) ภาวะดอกเบี้ยนโยบายยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 2.50 ส่งผลต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยให้ลดลงโดยตรง (4) การที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า ซึ่งปัจจัยลบเหล่านี้ได้ส่งผลให้รายได้ของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีอัตราการขยายตัวน้อยกว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความสามารถในการซื้อและการผ่อนชำระลดลง ซึ่งได้กระทบต่อยอดขายที่อยู่อาศัยโดยตรง (ดูแผนภูมิที่ 1)

นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลฯ ยังได้ศึกษาถึงกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจในมิติต่างๆ ดังนี้

ลักษณะทางประชากรศาสตร์ของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 53.3 และส่วนใหญ่เป็นคนกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่มีอายุอยู่ระหว่าง 25-34 ปี ถึงร้อยละ 49.4 โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีระดับการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าคิดเป็นร้อยละ 69.9 นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ร้อยละ 59.0 มีอาชีพเป็นพนักงานเอกชน และส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 34.8 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ในช่วง 15,001 – 30,000 บาท ทั้งนี้ ลักษณะทางประชากรศาสตร์ในภาพรวมมีความใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า ทั้งด้าน เพศ ช่วงอายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน (ดูแผนภูมิที่ 2)

ด้านวัตถุประสงค์ในการซื้อที่อยู่ใหม่ พบว่า ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ร้อยละ 32.1 ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อันดับสอง คือต้องการซื้อเพื่อลงทุนเก็งกำไร/ให้เช่าร้อยละ 17.8 และอันดับสามซื้อเพื่อเป็นทรัพย์สินร้อยละ 15.0 โดยวัตถุประสงค์ที่ซื้อเพื่อลงทุนและเป็นทรัพย์สิน มีสัดส่วนรวมกันถึง ร้อยละ 32.8 ลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2567 ที่มีสัดส่วนร้อยละ 33.3 สะท้อนว่าผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุน การสะสมความมั่งคั่ง และการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2567 ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ เหตุผลส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ผู้ต้องการซื้อเพื่อลงทุนและเป็นทรัพย์สินยังกังวลต่อปัจจัยลบจากมาตรการ LTV และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อที่ยังไม่เอื้อต่อการซื้อเพื่อลงทุน และเป็นแรงกดดันต่อภาพรวมความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยอีกด้วย

 ในขณะที่ปัจจัยที่ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเลือกพิจารณามากขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 คือ ต้องการความสะดวกในการเดินทาง และต้องการสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.8 เป็นร้อยละ 8.6 และจากร้อยละ 7.6 เป็นร้อยละ 7.8 ตามลำดับ (ดูแผนภูมิที่ 3)

เมื่อพิจารณาลักษณะความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย พบว่า

  1. ด้านประเภททรัพย์ ส่วนใหญ่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งมือหนึ่งหรือมือสอง ร้อยละ 5 สำหรับผู้ที่ต้องการเฉพาะที่อยู่อาศัยมือหนึ่งเท่านั้น มีสัดส่วนร้อยละ 37.2 ลดลงจากร้อยละ 38.9 ในไตรมาส 1 ปี 2567 ในขณะที่ผู้ที่ต้องการเฉพาะที่อยู่อาศัยมือสองมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 8.3 จากร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
  2. ช่วงราคาของที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคา 01 – 3.00 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25.3 รองลงมาได้แก่ระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.9 ซึ่งทั้งสองช่วงระดับราคาดังกล่าวเป็นกลุ่มหลัก มีสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 50.2 และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 (QoQ) พบว่า สัดส่วนผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 1.00 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.7 จากร้อยละ 3.7 และ ระดับราคา 5.01-7.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 8.3 จากร้อยละ 7.4 (ดูแผนภูมิที่ 4)

3. ประเภทที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ต้องการซื้อบ้านเดี่ยว ร้อยละ 3 และต้องการซื้อในระดับราคา
3.01 – 5.00 ล้านบาทมากที่สุด รองลงมาคือ คอนโดมิเนียมร้อยละ 36.0 โดยต้องการซื้อในระดับราคา
2.01 – 3.00 ล้านบาทมากที่สุด สำหรับทาวน์เฮ้าส์มีความต้องการซื้อร้อยละ 19.4 และส่วนใหญ่ต้องการซื้อในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาทมากที่สุด ส่วนบ้านแฝดมีความต้องการซื้อร้อยละ 5.0 และส่วนใหญ่ต้องการซื้อในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาทมากที่สุด และอาคารพาณิชย์มีความต้องการซื้อร้อยละ 0.3 และต้องการซื้อในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาทมากที่สุด และหากพิจารณาเทียบกับอายุของผู้ตอบพบว่า กลุ่มผู้มีอายุอยู่ระหว่าง 18-44 ปี มีความสนใจซื้อบ้านเดี่ยวมากที่สุด ในขณะที่กลุ่มผู้ที่มีอายุระหว่าง 45-54 ปี และ 55 ปีขึ้นไป มีความสนใจซื้อคอนโดมิเนียมมากที่สุด ซึ่งอาจเกิดจากความต้องการซื้อเพื่อลงทุนและเก็งกำไรเนื่องจากเป็นกลุ่มที่มักจะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองแล้ว (ดูแผนภูมิที่ 5 และ 6)

4. จังหวัดที่ได้รับความสนใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย เมื่อพิจารณาความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่า

  • กรุงเทพมหานคร มีสัดส่วนความต้องการที่อยู่อาศัยร้อยละ 7 และ สนใจที่อยู่อาศัยระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาทมากที่สุดร้อยละ 26.1 โดยเฉพาะในทำเลตามแนวรถไฟฟ้าสายหลัก ใกล้แหล่งงานหรือแหล่งชุมชน เช่น ทำเลพระราม 9 บางนา บางแค ลาดพร้าว และ ห้วยขวาง
  • นนทบุรี มีสัดส่วนความต้องการที่อยู่อาศัยร้อยละ 5 และ สนใจที่อยู่อาศัยระดับราคา
    3.01-5.00 ล้านบาทมากที่สุดร้อยละ 27.8
  • ปทุมธานี มีสัดส่วนความต้องการที่อยู่อาศัยร้อยละ 0 และ สนใจที่อยู่อาศัยระดับราคา
    1.51-2.00 ล้านบาทมากที่สุดร้อยละ 24.3
  • สมุทรปราการ มีสัดส่วนความต้องการที่อยู่อาศัยร้อยละ 0 และ สนใจที่อยู่อาศัยระดับราคา
    2.01-3.00 ล้านบาทมากที่สุดร้อยละ 55.1
  • นครปฐม มีสัดส่วนความต้องการที่อยู่อาศัยร้อยละ 0 และ สนใจที่อยู่อาศัยระดับราคา
    1.01-1.50 ล้านบาทมากที่สุดร้อยละ 23.8
  • สมุทรสาคร มีสัดส่วนความต้องการที่อยู่อาศัยร้อยละ 9 และสนใจที่อยู่อาศัยระดับราคา
    3.01-5.00 ล้านบาทมากที่สุดร้อยละ 66.7

ในขณะที่จังหวัดอื่น ๆ เช่น ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ มีความต้องการซื้ออยู่รวมกันที่ร้อยละ 16.9 (ดูแผนภูมิที่ 7 และ 8)

วิธีการจัดทำข้อมูล

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้พัฒนา “ดัชนีความเชื่อมั่นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล” ด้วยการจัดทำดัชนีเชิงปริมาณ (Quantity index) ในรูปแบบของดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) โดยสัมภาษณ์ประชาชนที่เข้าร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโด และผู้ที่ตอบแบบสอบถามด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ด้วยความสมัครใจที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งมีข้อคำถามเกี่ยวกับแผนในการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ และมีระยะเวลาที่วางแผนจะซื้อ มีขั้นตอนการจัดทำ ดังนี้

  1. นำข้อมูลจากแบบสอบถามมาเปลี่ยนเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ 5 ระดับด้วยกัน โดยจัดกลุ่มคำตอบออกเป็น 5 ความหมายด้วยกัน ดังนี้
    • ระยะเวลาภายใน 1 เดือน หมายถึง มีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยมากที่สุด
    • ระยะเวลา 1 ถึง 3 เดือน หมายถึง มีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยมากที่สุด
    • ระยะเวลา 3 ถึง 6 เดือน หมายถึง มีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยมาก
    • ระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี หมายถึง มีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยปานกลาง
    • ระยะเวลา ไม่เกิน 2 ปี หมายถึง มีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยน้อย
    • ระยะเวลา มากกว่า 2 ปี หมายถึง มีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยน้อยที่สุด

เมื่อนำข้อมูลมาเปลี่ยนเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ 5 ระดับแล้ว ให้เปลี่ยนเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ โดยให้คะแนน อยู่ในช่วง 0 ถึง 1  คะแนนด้วยกัน ดังนี้

  • ระยะเวลาภายใน 1 เดือน มีความเชื่อมั่นคะแนนอยู่ในระดับ 00
  • ระยะเวลา 1 ถึง 3 เดือน มีความเชื่อมั่นคะแนนอยู่ในระดับ 00
  • ระยะเวลา 3 ถึง 6 เดือน มีความเชื่อมั่นคะแนนอยู่ในระดับ 75
  • ระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี มีความเชื่อมั่นคะแนนอยู่ในระดับ 50
  • ระยะเวลา ไม่เกิน 2 ปี มีความเชื่อมั่นคะแนนอยู่ในระดับ 25
  • ระยะเวลา มากกว่า 2 ปี มีความเชื่อมั่นคะแนนอยู่ในระดับ 00
  1. นำข้อมูลที่เปลี่ยนเป็นข้อมูลเชิงปริมาณมาคำนวณในรูปแบบของ Diffusion Index มีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 โดยมีสมการดังนี้

   ดัชนี  = (100 x ร้อยละของผู้ตอบ “ซื้อในระยะเวลาภายใน 1 เดือน และ ระยะเวลา 1 ถึง 3   
                  เดือน”) + (75 x ร้อยละของผู้ตอบ “ซื้อในระยะเวลา 3 ถึง 6 เดือน”) + (50 x ร้อยละ
                  ของผู้ตอบ “ซื้อในระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี”) + (25 x ร้อยละของผู้ตอบ “ซื้อใน
                  ระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี”) + (0 x ร้อยละของผู้ตอบ “ซื้อในระยะเวลามากกว่า 2 ปี”)

   การแปลความหมาย

   เมื่อกำหนด ค่ากลางของดัชนีเท่ากับ 50.0 จุด  วิธีการอ่านค่าเป็นดังนี้

                           ดัชนี = 50.0 หมายถึง ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีความเชื่อมั่นระดับปานกลางหรือทรงตัว

                           ดัชนี > 50.0 หมายถึง ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีความเชื่อมั่นในระดับมากหรือเกณฑ์สูง

                           ดัชนี < 50.0 หมายถึง ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีความเชื่อมั่นในระดับน้อยหรือเกณฑ์ต่ำ

  1. นำข้อมูลในแบบสอบถามมาวิเคราะห์เชิงพรรณนา (Descriptive analytics) เพื่อให้เข้าใจถึงสถานการณ์ของความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในเชิงลึก โดยใช้สถิติพรรณนา (Descriptive statistics) การแจกแจงความถี่ (Frequency) เป็นค่าร้อยละ (Percentage) และการแจกแจงแบบตารางไขว้ (Crosstabs)
อ่านเพิ่ม
Sidebar
TIK TOK
บทความล่าสุด
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ร่วมกับ กองทัพภาคที่ 1 ส่งมอบบ้านภายใต้โครงการปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ให้กับผู้ยากไร้ และด้อยโอกาสในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 25 จังหวัดภาคกลาง
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ร่วมกับ กองทัพภาคที่ 1 ส่งมอบบ้านภายใต้โครงการปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ให้กับผู้ยากไร้ และด้อยโอกาสในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 25 จังหวัดภาคกลาง
ข่าวสาร
กรุงศรี ก้าวสู่ปีที่ 80 ชูแนวคิด ‘Shaping Future Together’ ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
กรุงศรี ก้าวสู่ปีที่ 80 ชูแนวคิด ‘Shaping Future Together’ ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ข่าวการเงิน
ธนาคารไทยพาณิชย์คว้ารางวัลแห่งความสำเร็จ 75 รางวัลในปี 2567 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินงานสู่เป้าหมายการเป็น “ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด” (The Most Admired Bank)
ธนาคารไทยพาณิชย์คว้ารางวัลแห่งความสำเร็จ 75 รางวัลในปี 2567 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินงานสู่เป้าหมายการเป็น “ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด” (The Most Admired Bank)
ข่าวการเงิน
ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ เปิดตัวเกมใหม่ จัดเต็มความมันส์กับ “ท็อปกอล์ฟ โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก” สุดยอดเกมกอล์ฟอินเทอร์แอคทีฟ
ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ เปิดตัวเกมใหม่ จัดเต็มความมันส์กับ “ท็อปกอล์ฟ โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก” สุดยอดเกมกอล์ฟอินเทอร์แอคทีฟ
ข่าวสาร
BSRC ส่งมอบ B24 Marine Biofuel ล็อตแรกของประเทศไทย พร้อมประกาศความเป็นผู้นำด้านเชื้อเพลิงยั่งยืนสำหรับเรือเดินสมุทรระดับโลก
BSRC ส่งมอบ B24 Marine Biofuel ล็อตแรกของประเทศไทย พร้อมประกาศความเป็นผู้นำด้านเชื้อเพลิงยั่งยืนสำหรับเรือเดินสมุทรระดับโลก
ข่าวพลังงาน
รีวิวโครงการ
รีวิว ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง (Supalai River Ville Rayong) บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Tropical Series ฟีลดีติดริมแม่น้ำ ทำเลคุณภาพใจกลางเมืองระยอง
Sponsor
รีวิว ศุภาลัย เบลล่า พระราม 2-วงแหวน ครบครันทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองยุคใหม่ในโซนพระราม 2-สมุทรสาคร
Sponsor
รีวิว ศุภาลัย วิลล์ ปิ่นเกล้า-ศาลายา บ้าน Design ใหม่ พื้นที่ใหญ่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ทุก Lifestyle เป็นส่วนตัวเพียง 66 แปลง ส่วนกลางครบครัน บนทำเลที่โดดเด่น โซนปิ่นเกล้า-ศาลายา
Sponsor
รีวิว บ้านกรีนเฮ้าส์ รังสิต สเตชั่น-ซ.เวิร์คพอยท์ คอนโดแนวคิดใหม่ สไตล์ทาวน์โฮม 2 ชั้น 2 นอน 2 น้ำ บนทำเลรังสิต-ปทุมฯ ใกล้ทางด่วนฯ, โทลล์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีรังสิต
Sponsor
รีวิว นิรติ ดอนเมือง (NIRATI DONMUEANG) บ้านและทาวน์โฮม NEW SERIES 2.5 ชั้น พร้อมส่วนกลางกว่า 4 ไร่* ที่สุดของทำเลศักยภาพ เพียง 5 นาที* ถึงสนามบินดอนเมือง
Sponsor
Loading..