3 สมาคมอสังหาฯ เชื่อตลาดที่อยู่อาศัยไตรมาสสุดท้ายยังสดใส มั่นใจผู้บริโภคตอบรับงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 จัดระหว่างวันที่ 2 – 5 พ.ย.2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดว่ามีคนมาเดินงานตลอดทั้ง 4 วันอยู่ที่ 50,000 – 80,000 คน มูลค่าการซื้อขายมากกว่า 3,500 ล้านบาท

       นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าตลาดแนวราบเติบโตลดลง แต่ตลาดคอนโดมิเนียมเติบโตสูงขึ้น อย่างไรก็ตามดีเวลล็อปเปอร์ต้องเร่งทำแคมเปญส่งเสริมการขายในไตรมาส 4 เช่นเดียวกับธนาคารซึ่งการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในไตรมาส 3 ก็น่าจะชะลอตัวลงในทิศทางเดียวกับยอดขายที่อยู่อาศัย จึงต้องเร่งทำแคมเปญเช่นกัน เพราะฉะนั้นในไตรมาส 4 ปีนี้ ก็จะน่าเป็นโอกาสที่ดีของผู้ซื้อบ้านอีกช่วงเวลาหนึ่ง

        ดร.ทัพพ์เทพ ภัคกระนก ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่าถึงแม้สภาวะดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งส่งผลให้ประชาชนมีความสามารถในการซื้อลดลง แต่ว่าโดยรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็มีแนวโน้มดีขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่หนี้ในภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นราว 90% ของ GDP ราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้น ทำให้อุปสงค์อุปทานหดตัว

       การโอนกรรมสิทธิ์ลดลง เนื่องจากตอนนี้เมืองเปิดแล้ว ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ และได้รัฐบาลชุดใหม่แล้ว โดยมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐก็มีและจะมีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด และคอนโดมิเนียม

        สำหรับเซ็กเมนต์ที่ขายดีที่สุดคือกลุ่มสินค้าระดับบนไปถึง Super Ultra Luxury ราคา 7.5 – 10 ล้าน และ 10 ล้านบาทขึ้นไป มีการโอนเพิ่มมากกว่าปีก่อน อยู่ประมาณ 18% ส่วนห้องชุดหรือคอนโดฯ ทุกระดับราคามีการโอนสูงขึ้น ยกเว้นระดับราคาประมาณ 2 – 3 ล้านบาทที่มีการโอนลดลง เนื่องจากปัจจัยด้านการเงินของผู้บริโภค ซึ่งกู้ไม่ผ่าน หรือการยกเลิกการผ่อนปรนมาตรการ LTV ที่อาจมองได้ว่าเป็นกับดัก ถ้ามีการแก้ไขได้ก็คงดีขึ้น

        ขณะที่มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ในด้านการลดค่าจดจำนองและค่าธรรมเนียมการโอนที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้ คาดว่ารัฐบาลชุดใหม่ก็คงจะต่ออายุมาตรการนี้ออกไป รวมถึงอาจจะมีการทบทวนหรือปรึกษากับทางธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องมาตรการ LTV ด้วย สำหรับคอนโดฯ ระดับ 10 ล้านบาทก็มีการโอนมากขึ้น ตั้งแต่ต้นปีจนถึงไตรมาส 3 นี้ เพิ่มขึ้น 49% 

       ดร.ทัพพ์เทพ กล่าวอีกว่า  ตลาดธุรกิจอสังหาฯ ในครึ่งปีหลัง คาดว่ามีแนวโน้มที่สดใส เติบโตขึ้นอย่างแน่นอน กำลังซื้อจะกลับมา ประกอบกับโปรโมชันต่างๆ ของแต่ละบริษัทที่จะออกมาช่วงปลายปี เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ ก็จะมาช่วยกระตุ้นยอดขายช่วงสิ้นปี ซึ่งเป็นช่วงจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และโดยปกติช่วงครึ่งปีหลังของปีจะเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจภาคอสังหาฯ อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 จัดโดยสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ส่งท้ายปี ซึ่งเป็นงานที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่รู้จักกันดี เป็นอีเวนท์ใหญ่ที่สุดของวงการอสังหาฯ มีทุกอย่างครบ มีแบรนด์ผู้ประกอบการชั้นนำให้เลือกมากมาย ที่พร้อมใจกันจัดโปรโมชันดีๆ มานำเสนอภายในงาน ทั้งยังมีโปรโมชันของงานมหกรรมฯ เองอีกด้วย”

       สำหรับงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 – 5 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยครั้งนี้จะชูคอนเซปต์ “Property Solutions” ครบจบทุกอย่างในงานเดียว เป็นการยกระดับการจัดงานเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิต ทุกดีมานด์ และทุกช่วงวัยของผู้บริโภค ซึ่งในงานจะมีทั้งหมด 150 บริษัท นำสินค้ามานำเสนอรวมมากกว่า 1,000 โครงการจากทั่วประเทศ มีทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจากเชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี เป็นต้น โดยมีโครงการบ้านเดี่ยวมากที่สุด ประมาณ 30% ทาวน์เฮ้าส์ 25% คอนโดฯ 35% และอื่นๆ 10% เช่น ซัพพลายเออร์ต่างๆ วัสดุก่อสร้าง ธนาคาร และกลุ่ม NPA

        จากการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 ในช่วงต้นปี 2566 มีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 50,000 คน มียอดขายภายในงานมากกว่า 3,000 ล้านบาท ขณะที่ในการจัดงานครั้งนี้ ทางคณะกรรมการจัดงานคาดว่าจะมีคนมาเดินงานตลอดทั้ง 4 วันอยู่ที่ 50,000 – 80,000 คน มีมูลค่าการซื้อขายในงานมากกว่า 3,500 ล้านบาท เนื่องจากเป็นการจัดงานในช่วงปลายปี ซึ่งดีเวลล็อปเปอร์จะเร่งทำยอดขายให้ได้ตามเป้า จึงนำโปรโมชันที่น่าสนใจมาร่วมงานเพื่อกระตุ้นยอดขาย ประกอบกับเป็นช่วงที่ลูกค้าส่วนใหญ่มักตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย 

       โดยคาดว่าคอนโดมิเนียมจะเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด เนื่องจากหลังวิกฤตโควิด-19 ต่างชาติเริ่มเปิดประเทศ และสามารถเดินทางมาโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมที่ประเทศไทยได้ โดยสัดส่วนของลูกค้าชาวต่างชาติที่มากที่สุดคือ จีน พม่า และอินเดีย ซึ่งในภาพรวมมีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในช่วง 6 เดือนของปี 2566 เพิ่มขึ้นถึง 49% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะในการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด จะมีชาวต่างชาติเข้ามาเยี่ยมชมงานประมาณ 20% จึงคาดว่ายอดขายคอนโดมิเนียมจะสูงขึ้นตามไปด้วย