Kave Playground (copy)

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ชี้มาตรการ Quick Big Win ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ คาดการณ์มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 13.1% หนุนอสังหาฯ ไตรมาส 4/2568 ฟื้น

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เผยมาตรการ “Quick Big Win”
ของรัฐบาล การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาท การผ่อนเกณฑ์สินเชื่อ (LTV) และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ คาดการณ์ไตรมาส 4/2568 ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศปรับเพิ่มขึ้น 13.1% จากไตรมาส 3/2568 สินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศ มูลค่าเพิ่มขึ้น 9.5% สะท้อนความเชื่อมั่นของประชาชนและสถาบันการเงินที่มีต่อภาพรวมตลาดและเศรษฐกิจ เชื่อส่งผลดีต่อเนื่องยาวถึงปี 2569

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(REIC) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในภาพรวมของไตรมาส 3 ปี 2568
มีสัญญาณการฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยอุปสงค์ขยายตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับ
ไตรมาส 2 (QoQ) ปัจจัยบวกจากมาตรการของรัฐบาล ได้แก่ การลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองที่อยู่อาศัยเหลือ
0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท การผ่อนเกณฑ์ LTV และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำ มีผลให้เกิดความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภค ประกอบกับผู้ประกอบการเริ่มมีการปรับลดราคาให้ยืดหยุ่นตามความสามารถของผู้ซื้อที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ทั้งหมดนี้มีผลโดยตรงต่อการเพิ่มขึ้นของการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย
และอัตราการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกประเภททั่วประเทศไตรมาส 3
มีจำนวน 84,397 หน่วยเพิ่มขึ้น 9.1% คิดเป็นมูลค่า 226,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% โดยเป็นการโอนกรรมสิทธิ์
ที่อยู่อาศัยแนวราบจำนวน 57,581 หน่วยเพิ่มขึ้น 6.7% คิดเป็นมูลค่า 164,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% และเป็น
การโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดจำนวนหน่วย 26,816 หน่วยเพิ่มขึ้น 14.8% คิดเป็นมูลค่า 62,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% ทั้งนี้ เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกระดับราคา โดยเฉพาะบ้านสร้างใหม่ระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท มีอัตรา
การโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นถึง 37% ขณะที่บ้านมือสองระดับราคา 5.01 – 7.50 ล้านบาท มีอัตราการโอนกรรมสิทธิ์
เพิ่มขึ้น 14.1% จากไตรมาสก่อน

สำหรับ 10 จังหวัดแรกที่มีมูลค่าการโอนสูงสุดในไตรมาส 3 ปี 2568 ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ภูเก็ต เชียงใหม่ ระยอง นครราชสีมา และขอนแก่น โดยจังหวัดที่มีการขยายตัวของการโอนเพิ่มขึ้น
จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าในไตรมาส 3 มี 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต ระยอง
และนครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ 9 เดือนแรก
ของปี 2568 มีเพียงจังหวัดภูเก็ต ระยอง และนครราชสีมา ที่มีการขยายตัวของหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

ด้านการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติ ไตรมาส 3 ปี 2568 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีจำนวน 3,844 หน่วย เพิ่มขึ้น 2.3% มูลค่า 15,378 ล้านบาท ลดลง -17.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน (YoY) โดยชาวต่างชาติที่มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ “ห้องชุด” มากที่สุด 3 อันดับแรกในไตรมาส 3 ปี 2568
ได้แก่ จีน ไต้หวัน และพม่า ซึ่งจีนยังคงมีแนวโน้มลดลงโดยมีการโอนห้องชุดในไตรมาสนี้จำนวน 1,335 หน่วย มีมูลค่า4,573 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง -11.8% มูลค่าลดลง -34.6% ไต้หวันจำนวน 376 หน่วย มูลค่า 1,844 ล้านบาทจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 31.5% มูลค่าเพิ่มขึ้น 17.1% พม่าโอนห้องชุดในไตรมาสนี้จำนวน 517 หน่วย เพิ่มขึ้น 25.5% แต่มูลค่า
1,550 ล้านบาท ลดลง -30.3% โดยภาพรวมหลายประเทศมีแนวโน้มการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดเพิ่มขึ้นตามทิศทาง
การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม อุปสงค์สะสมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ยังหดตัว
ทั้งด้านจำนวนและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกประเภทมีจำนวน 227,106 หน่วย ลดลง -9.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีจำนวน 250,386 หน่วย มีมูลค่า 617,768 ล้านบาท ลดลง -12.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีมูลค่า 705,085 ล้านบาท สะท้อนกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยแบ่งเป็น
ที่อยู่อาศัยแนวราบมีจำนวน 155,125 หน่วย ลดลง -7.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีจำนวน
167,308  หน่วย มูลค่า 446,309 ล้านบาท ลดลง -9.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 492,506 ล้านบาท
และอาคารชุดมีจำนวน 71,991 หน่วย ลดลง -13.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีจำนวน 83,078 หน่วย
มูลค่า 171,458 ล้านบาท ลดลง -19.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 212,578 ล้านบาท

ด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัย ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 มีมูลค่า 146,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2
ปี 2568 (QoQ) ที่มีมูลค่า 134,115 ล้านบาท จากอานิสงค์บวกของ 2 มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
แต่โดยภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2568 มีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่มีมูลค่า 390,317 ล้านบาท
ลดลง -6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีมูลค่า 417,944 ล้านบาท

นายกมลภพ กล่าวอีกว่า แม้การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยสะสมในช่วงที่ผ่านมายังหดตัว แต่จากการจัดทำมาตรการ “Quick Big Win” ของภาครัฐ อาทิ มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ ผ่านโครงการคนละครึ่ง พลัส มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศ ผ่านมาตรการภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว การเร่งรัดเบิกจ่ายภาครัฐและโครงการพลังงานสะอาด มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนผ่านการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC)
และการปรับโครงสร้างหนี้เสียภาคครัวเรือน รวมถึงมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs คาดการณ์
เป็นปัจจัยบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ และเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ
ไตรมาส 4 ปี 2568 ฟื้นตัวขึ้น โดยจะมียอดการโอนจำนวน 95,484 หน่วย เพิ่มขึ้น  13.1% จากไตรมาส 3 (QoQ) ที่มีจำนวน 84,397 หน่วย และมีมูลค่าจำนวน 255,632 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.0% จากไตรมาส 3 (QoQ) ที่มีจำนวน 226,166 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ ทั่วประเทศ ไตรมาส 4 ปี 2568 คาดการณ์มีมูลค่าประมาณ 160,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% จากไตรมาส 3 (QoQ) ที่มีมูลค่า 146,834 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ทั้งปี 2568 การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศยังคงติดลบ แต่เป็นการติดลบที่ลดลงกว่าที่เคยคาดการณ์ โดยจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศจำนวน  322,500 หน่วย ลดลง -7.3%  เมื่อเทียบกับปี 2567 และมีมูลค่าการโอนประมาณ 873,400 ล้านบาท ลดลง -10.9% เมื่อเทียบกับปี 2567 และคาดว่าปี 2569 สถานการณ์
จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องโดยจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศจำนวน 320,200 หน่วย ลดลงเพียง -0.7%
เมื่อเทียบกับปี 2568 และมีมูลค่าการโอนประมาณ 866,200 ล้านบาท ลดลง -0.8% เมื่อเทียบกับปี 2568 ขณะที่สินเชื่อ
ที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ทั่วประเทศในปี 2568 จะมีมูลค่าประมาณ 551,092 ล้านบาท ลดลง -5.8% เมื่อเทียบกับ
ปี 2567 ที่มีมูลค่า 584,843 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ ทั่วประเทศในปี 2569 จะมีมูลค่าประมาณ 547,533 ล้านบาท ลดลง -0.6% เมื่อเทียบกับปี 2568 ที่มีมูลค่า 551,092 ล้านบาท

อ่านเพิ่ม
The Palm (copy)
Sidebar
บทความล่าสุด
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ชี้มาตรการ Quick Big Win ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ คาดการณ์มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 13.1% หนุนอสังหาฯ ไตรมาส 4/2568 ฟื้น
ข่าวสาร
แสนสิริโอน 3 คอนโด เมืองท่องเที่ยว กวาดยอดโอนอีก 2,100 ล้านบาท เมคิน เฮาส์ เชียงใหม่ – แคนวาส เชิงทะเล – ดีคอนโด แคมปัส ขอนแก่น ดันผลงานยอดโอนคอนโดพุ่ง 13,800 ล้านบาท เตรียมขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งสร้างผลงานคอนโดสูงสุดปี 2568
ข่าวสาร
ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ปตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจออสพิทาลิตี้ คว้า 2 รางวัลสปาระดับประเทศ สะท้อนมาตรฐานบริการระดับสากล
ข่าวสาร
เปิดมิติแห่งการค้นพบ: เรเนซองส์ โฮเทลส์ เชิดชูจิตวิญญาณแห่งการเปิดโลกทางวัฒนธรรมกับงาน Renaissance Day of Discovery 2025
ข่าวสาร
เคทีซีต่อยอดแคมเปญ “JCB ลุ้นเปย์ไป JAPAN Season 2” กระตุ้นยอดใช้จ่ายช่วงไฮซีซั่น
ข่าวสาร
รีวิวโครงการ
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ กรุงเทพกรีฑา (The Signature Krungthepkreetha) เปิดตัวบ้านรุ่นใหม่ New Kaiteki Series เพดานสูง 3.2 เมตร ทำเลบ้านหรูใกล้โรงเรียนนานาชาติ Brighton College และ Wellington College
Review
รีวิว ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว (Life Phahon-Ladprao) คอนโดใหม่ แต่งครบ พร้อมอยู่ ยูนิตน้อย ทำเล North CBD ห้าแยกลาดพร้าว ตรงข้าม The Central พหลโยธิน
Review
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ สุขุมวิท 77 (The Signature Sukhumvit 77) บ้านหรูระดับ Super Luxury บททำเลอ่อนนุช-ลาดกระบัง
Review
รีวิว เคฟ เพลย์กราวด์ ลาดพร้าว-บดินทรเดชา (Kave Playground Ladprao-Bodindecha) คอนโดใหม่ Fully Furnished ติดบดินทรเดชาฯ ส่วนกลางจัดเต็ม 60 รายการ และโซน Pet-Friendly แยกตึก
Review
รีวิว ศุภาลัย เลค วิลล์ จันทบุรี (Supalai Lake Ville Chanthaburi) บ้านหรูสไตล์ Tropical Modern ใจกลางธรรมชาติริมทะเลสาบกว่า 10 ไร่ พร้อมฟังก์ชันครบครัน รองรับชีวิตระดับพรีเมียมในทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของจันทบุรี
Review
Loading..