นิคมอุตสาหกรรมอารยะ ได้รับมติอนุมัติจาก คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ให้จัดตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ซึ่งการอนุมัติครั้งนี้ทำให้นิคมอุตสาหกรรมอารยะ เป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 79 ของประเทศไทย ภายใต้การกำกับของ กนอ. โดยปัจจุบันโครงการกำลังเดินหน้าพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบเพื่อมุ่งกำหนดมาตรฐานใหม่ด้านเทคโนโลยี ความยั่งยืนและความพร้อมสำหรับรองรับการลงทุน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรม และก้าวสู่การเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะต้นแบบแห่งอนาคตของไทย
นิคมอุตสาหกรรมอารยะ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการ อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ บนทำเลถนนบางนา-ตราด กม.32 จังหวัดสมุทรปราการ บนพื้นที่กว่า 1,891 ไร่ และเมื่อเปิดดำเนินการคาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในประเทศมากกว่า 58,240 ล้านบาท รวมถึงสร้างการจ้างงานใหม่กว่า 14,560 ตำแหน่ง เสริมศักยภาพการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยในระดับสากลอย่างเป็นรูปธรรม
การอนุมัติครั้งนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ – Smart Industrial Estate (SMART I.E.)” ที่รัฐบาลไทยมอบหมายให้ กนอ. และ BOI กำหนดขึ้น เพื่อยกระดับนิคมอุตสาหกรรมของประเทศให้ก้าวสู่อนาคต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติในยุคที่เทคโนโลยีและความยั่งยืนเป็นปัจจัยสำคัญ
นิคมอุตสาหกรรมอารยะ ต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้ครบ 7 มิติ
มาตรฐาน SMART I.E. ถือเป็นกรอบแนวทางที่จำเป็นและท้าทายอย่างยิ่งสำหรับนิคมอุตสาหกรรมในยุคปัจจุบัน เนื่องจากประกอบไปด้วยเกณฑ์ทั้ง 7 ด้านที่กำหนดไว้นั้นครอบคลุมทุกมิติของการพัฒนา ทว่า อารยะ ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมในการก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ ด้วยการพัฒนาที่ครอบคลุมทุกมิติและตอบโจทย์เกณฑ์ทั้ง 7 อย่างครบถ้วน อันได้แก่
- Smart Facilities – การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการติดตาม ควบคุม และบริหารจัดการระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม อารยะ ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เช่น เครื่องติดตามคุณภาพอากาศและ ระบบติดตามระดับน้ำในโครงการ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและพนักงาน
- Smart IT – การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ Internet of Things (IoT) เพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศ อารยะ ได้นำระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (5G / Fiber Optic) มาใช้ พร้อมด้วยระบบบริหารจัดการเมือง (City Operation Center) ที่สามารถเก็บข้อมูลแบบ Real-time ตลอด 24 ชั่วโมง
- Smart Energy – การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยพร้อมติดตั้งระบบ Smart Metering สำหรับระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางของนิคม และพร้อมติดตั้ง Solar Energy เพื่อใช้ในโครงการ
- Smart Economy – สนับสนุนการพัฒนากิจกรรม BCG ที่มีความเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมและชุมชน และการสร้างระบบนิเวศธุรกิจที่สอดคล้องกับศักยภาพและความต้องการของผู้ประกอบการในนิคม
- Smart Good Corporate Governance – การกำกับดูแลกิจการด้วยธรรมาภิบาล อารยะ ดำเนินงานอย่างโปร่งใส เปิดเผยข้อมูล และสามารถตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสีย
- Smart Living – การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกโดยคำนึงถึงหลักอารยสถาปัตย์ (Universal Design) เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี อารยะ วางแผนพื้นที่สีเขียวและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น โซนไลฟ์สไตล์ และศูนย์กลางบริการชุมชน เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและพนักงาน
- Smart Workforce – การพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะ และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต อารยะ ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและองค์กรต่างๆ เพื่อพัฒนาหลักสูตรและฝึกอบรมแรงงานที่มีทักษะสูง สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมาย
เสน่ห์ของ อารยะ ในฐานะนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะที่ตอบโจทย์การลงทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกเหนือจากการบรรลุเกณฑ์ทั้ง 7 ด้าน อารยะ ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นต้นแบบของนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก ด้วยสิทธิประโยชน์จากการเป็น “นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ” ซึ่งมอบผลประโยชน์หลากหลายด้านให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะในแง่ของความสะดวก ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งหมดนี้ ล้วนสะท้อนให้เห็นว่า อารยะ ไม่เพียงเป็นพื้นที่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนยุคใหม่ แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก พร้อมทั้งสนับสนุนให้อุตสาหกรรมไทยก้าวสู่มาตรฐานระดับสากลอย่างมั่นคงและยั่งยืน
