Kave Playground (copy)

รีวิว ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว (Life Phahon-Ladprao) คอนโดใหม่ แต่งครบ พร้อมอยู่ ยูนิตน้อย ทำเล North CBD ห้าแยกลาดพร้าว ตรงข้าม The Central พหลโยธิน

ข้อมูลโครงการ

ชื่อโครงการ
ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว (Life Phahon - Ladprao)
เจ้าของโครงการ
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จํากัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ
ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กทม. 10900
ประเภทโครงการ
อาคารชุดพักอาศัยสูง 40 ชั้น
เนื้อที่โครงการ
2-2-92.20 ไร่
จำนวนยูนิต
598 ยูนิต / ร้านค้า 1 ยูนิต
สิ่งอำนวยความสะดวก
ชั้น 1: Green Pavilion & Landscape, The Parlour, Exclusive Lobby, Cozy Lounge, Privilege Lounge, Shop, Mail Box, Juristic Room / ชั้น 8: The Cardio Club, Garden / ชั้น 38: Exclusive Sky Club, The Sky Wing, The Sunset Wing, The Entertainment / ชั้น 39: The Cloud Social Club, Private Meeting, Family Meeting, Social Meeting, Private Living, The Cloud Corner, Social Club / ชั้น 40: Sky Pool Pavilion, Sky Lap Pool, Sky Pool Bed, Sky Pavilion Seat, Sky Jacuzzi, Kids Pool, Active Atrium, Active Club, Burning Club, Private Gym / Rooftop: Sky Park Rooftop, Rooftop Garden & Backyard, Rooftop Bar, Rooftop Private Seat, Private Sky Yard / Security: ระบบ Katsan, ระบบ Key Card Access, กล้องวงจรปิด CCTV, เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
ราคาเริ่มต้น
4.39 ล้านบาท* (ส.ค. 68)
เบอร์โทร
1623

ลงทะเบียนสนใจโครงการ

โครงการ ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว (Life Phahon-Ladprao)
“ที่นี่”…ใช้ชีวิตได้แบบไร้ขีดจำกัด… ทำเลใจกลาง NEW CBD พหลฯ-ลาดพร้าว ท่ามกลางแหล่ง Lifestyle ตรงข้าม 2 ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ทั้ง New Central Mixed Use และ Central Ladprao พร้อมอาคารสำนักงานชั้นนำ ที่ทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายแบบ 360 องศา ภายใต้นิยามของคำว่า “แค่ก้าวก็ใกล้”
“ที่นี่”…เชื่อมต่อทุกการเดินทางได้อย่างไร้ขีดจำกัด… 200 เมตร* จาก BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว  พร้อมเชื่อมต่อถนนสายสำคัญทั้ง พหลฯ-วิภาวดี, พหลฯ-รัชดาภิเษก, พหลฯ-งามวงศ์วาน และ พหลฯ-ลาดพร้าว ทำให้การใช้ชีวิตเชื่อมต่อกับทุกการเดินทางได้เพียงต่อเดียว
“ที่นี่”…ตอบทุกการใช้ชีวิตบนพื้นที่แบบไร้ขีดจำกัด… รูปแบบพื้นที่พักอาศัยทั้งแบบ GRAND SPACE และ NEW VERTICAL LIVING ที่ช่วยให้การใช้ชีวิตสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น บนพื้นที่ที่กว้างขึ้น เพื่อขยายความสุขได้มากขึ้น
“ที่นี่”…เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตในทุกรูปแบบ…ส่วนกลางขนาดใหญ่ 6 ชั้น พร้อม Rooftop Facility 4 ชั้น ตอบทุกการใช้ชีวิตแบบ Multi Cultural สามารถพักผ่อนได้ทั้งแบบไพรเวทส่วนตัว, แบบคู่ และแบบครอบครัว ภายใต้ Concept “Space in Space” เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้แบบ 24 ชั่วโมง

จุดเด่นโครงการ

  • ใจกลาง New CBD พหลฯ-ลาดพร้าว รายล้อมด้วยห้างชั้นนำอย่าง Central Ladprao และ New Central Mixed Use เพียงไม่กี่ก้าวจากโครงการ พร้อมอาคารสำนักงานครบครัน ใช้ชีวิตแบบ 360 องศาในเมืองได้จริง
  • ใกล้ BTS ห้าแยกลาดพร้าว เพียง 200 ม.* เชื่อมถนนหลักทั้ง พหลโยธิน-วิภาวดี-รัชดา-งามวงศ์วาน เดินทางง่ายครอบคลุมทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะทำงาน เที่ยว เล่น หรือกลับบ้าน ก็สะดวกทุกจังหวะ
  • สเปซใหญ่ อยู่สบายทุกมิติ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยห้องแบบ Grand Space และ New Vertical Living ที่เพดานสูงโปร่งถึง 4.4 เมตร ยืดหยุ่นทุกฟังก์ชันชีวิต เพิ่มพื้นที่ เพิ่มอิสระ เพิ่มความสุขในทุกตารางเมตร
  • ส่วนกลางใหญ่ ใช้ชีวิตได้ 24 ชม. ดีไซน์ระดับ First-Class มากถึง 6 ชั้น + Rooftop 4 ชั้น ของพื้นที่ส่วนกลาง ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “Space in Space” ให้คุณเลือกพักผ่อนในแบบที่ใช่ ทั้งคนเดียว แบบคู่ หรือทั้งครอบครัว เปิด 24 ชม. รองรับไลฟ์สไตล์ Multi Cultural อย่างไร้ขอบเขต

วันนี้เรามาอยู่ที่โครงการ Life พหลฯ – ลาดพร้าว ครับ ก่อนจะพาเดินเข้าไปดูด้านใน ขอเกริ่นนิดนึงว่า…โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งคอนโด High Rise ที่ผมว่าทำออกมาได้ค่อนข้าง “บาลานซ์” ระหว่างชีวิตเมืองกับความสงบในแบบที่ไม่ค่อยเจอในคอนโดโซนนี้บ่อยนัก ซึ่งถ้าเทียบกับเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ที่มีจำนวนกว่า 1,000 ยูนิตนะ ถือจุดนี้ดีกว่าเลยครับ โครงการนี้เป็นอีกหนึ่ง High Rise จากแบรนด์ Life ที่ต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นพี่ในย่านเดียวกันอย่าง Life ลาดพร้าว และ Life ลาดพร้าว แวลลีย์ ซึ่งเคยขายหมดและมีกระแสตอบรับดีมาก่อนหน้านี้

ทำเลของโครงการนี้เรียกว่าอยู่ “ใจกลางทุกอย่าง” จริง ๆ ครับ ติดถนนพหลฯ เดินแค่ 200 เมตร* ถึง BTS ห้าแยกลาดพร้าว ข้าง ๆ เป็นโลตัส ฝั่งหนึ่งคือเซ็นทรัลลาดพร้าว อีกฝั่งคือ The Central พหลโยธินที่กำลังก่อสร้างอยู่ ถือว่าอยู่ระหว่างแยกใหญ่สองแยกสำคัญ ห้าแยกลาดพร้าวกับแยกรัชโยธิน แข่งขันกันดุในย่านนี้เลย แต่สิ่งที่ต่างจากคอนโดส่วนใหญ่ในโซนนี้คือความเงียบและความเป็นส่วนตัว เพราะทั้งโครงการมีแค่ 598 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับ High Rise ทำเลแบบนี้ เดี๋ยวผมจะพาเดินดูตั้งแต่ Main Gate ไปจนถึงห้องตัวอย่างซึ่งวันนี้เราพาไปชมถึง 3 ห้องเลยครับ ใครกำลังมองหาคอนโดใจกลางเมืองไว้พัก อยู่เอง หรือซื้อเก็บไว้เป็นสินทรัพย์…น่าจะได้ไอเดียกันพอสมควร

ทางเข้า-ออกของ Life พหลฯ – ลาดพร้าว จะอยู่ติดถนนพหลโยธินฝั่งขาเข้าเลยครับ มองจากหน้าถนนก็จะเห็นตัวอาคารชัดแบบนี้ พร้อมป้ายชื่อโครงการที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้า ตัวถนนหน้าโครงการจัดเป็น 2 เลน แยกฝั่งขาเข้า-ขาออกอย่างเป็นระเบียบ มีทางเดินเท้าฝั่งซ้ายมือที่แยกไว้ต่างหาก พร้อมร่มไม้ตลอดแนว

แม้ว่าโครงการจะตั้งอยู่ติดถนนใหญ่พหลโยธิน แต่ตัวอาคารพักอาศัยจะขยับเข้ามาด้านในประมาณนึงครับ ช่วยลดเสียงรบกวนและฝุ่นจากรถยนต์บนถนนใหญ่ไปได้มาก ทำให้บรรยากาศภายในสงบและเหมาะกับการอยู่อาศัยมากขึ้น ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่ เป็นระบบอัตโนมัติแบบจดจำป้ายทะเบียน รถของลูกบ้านที่ลงทะเบียนไว้สามารถเข้า-ออกได้เลยโดยไม่ต้องแตะบัตร ส่วนรถของผู้มาติดต่อจะต้องแลกบัตรที่ป้อม รปภ. และสามารถให้ลูกบ้านแสตมป์บัตรผ่านแอปพลิเคชัน KATSAN ในมือถือได้ทันที สะดวกดีครับ ไม่ต้องเดินไปส่งบัตรหรือสแกนหน้าจอหลายรอบ

ส่วนกลางชั้นที่ 1

จากทางเข้าหลัก พอผ่านจุดรักษาความปลอดภัยเข้ามา จะเจอกับ Drop-off ด้านหน้าอาคาร และสวนยาวฝั่งซ้ายมือที่โครงการตั้งชื่อไว้ว่า Green Pavilion เป็นแนวสวนไล่ระดับจัด landscape ด้วยไม้ใหญ่ และมีมุมพักผ่อนแบบ Sunken Seat แทรกอยู่ตลอดทาง บรรยากาศสงบ ใช้งานได้จริงครับ

เข้ามาด้านในตัวอาคาร ชั้น 1 จะถูกแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก ๆ ครับ ฝั่งซ้ายจะเป็น Lobby และทางขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นพักอาศัย และการเข้า-ออกอาคารทุกประตูจะต้องใช้ระบบ Face scan ทั้งหมดเลยนะครับ เดี๋ยวเราเริ่มจากฝั่งนี้กันก่อน ในส่วนของ The Parlour ห้องรับรองแขกขนาดใหญ่ครับ 

The Parlour เป็นห้องรับรองแขกขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาให้ดูสดใส สนุกสนาน ไม่เป็นทางการจนเกินไป ภายในแบ่งเป็น 3 โซนหลัก ๆ ทั้งมุมนั่งพักผ่อน มุมนั่งทำงาน และมุมเคาน์เตอร์ครัว ที่สามารถใช้เป็นพื้นที่จัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ได้สบาย เพราะมีห้องน้ำในตัวด้วย ใช้งานได้ครบโดยไม่ต้องเดินไปส่วนอื่นของอาคารเลยครับ

ตรงหน้าห้อง The Parlour จะมีโซนสำหรับตู้ Vending Machine และตู้รับ-ส่งอาหารที่ออกแบบมาเพื่อรองรับไรเดอร์โดยเฉพาะ ช่วยลดความวุ่นวาย และเพิ่มความสะดวกให้ลูกบ้านรับของได้แบบไม่ต้องออกไปไกลหรือให้ไรเดอร์ขึ้นมาส่งถึงชั้นพักอาศัย เป็นดีเทลเล็ก ๆ ที่คิดมาดีเลยครับ

ไปกันต่อที่ Exclusive Lobby โถงต้อนรับขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้จริง พร้อมคงความเป็นส่วนตัว โดยภายในจะแบ่งออกเป็น 3 ฟังก์ชันหลัก เริ่มจากผนังตกแต่งขนาดใหญ่ที่ช่วยบังสายตาจากประตูทางเข้าหลัก เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้งาน ถัดเข้ามาคือ Main Lobby พื้นที่นั่งพักผ่อนตรงกลางที่ใช้โทนสีสดใส ให้บรรยากาศอบอุ่นและดูมีชีวิตชีวา ปิดท้ายด้วยมุม Cozy Lounge ที่อยู่ติดกับสวนด้านข้าง เป็นพื้นที่ Semi Outdoor เดินทะลุเชื่อมต่อกับสวนได้โดยตรง เป็นอีกมุมเงียบ ๆ ที่น่านั่งมากครับ

Main Lobby เป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนที่ออกแบบด้วยโทนสีสดใส ดูมีชีวิตชีวา แต่ก็ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย เหมาะกับการนั่งรอ หรือนั่งพักสั้น ๆ ก่อนขึ้นห้องครับ

Privilege Lounge มุมนี้ให้ความรู้สึก Exclusive ด้วยการเปิดรับวิวสวนด้านข้างอาคารแบบเต็มสายตา เป็นพื้นที่กึ่ง Outdoor ที่ทั้งสงบและเป็นส่วนตัว จะนั่งทำงาน นั่งชิล หรือรอใครสักคนก็รู้สึกสบายตาสบายใจครับ

Cozy Lounge เป็นมุมนั่งเล่น Semi Outdoor ที่ออกแบบให้เชื่อมต่อกับสวนด้านข้างของอาคาร บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ เหมือนได้พักจากความวุ่นวายของเมือง แต่ก็ยังใช้งานได้สบาย เพราะมีหลังคาคลุมกันแดดกันฝนอย่างดี จะนั่งเล่นช่วงกลางวันหรือเย็นก็ไม่ร้อน แถมยังเดินทะลุกลับเข้าไปในล็อบบี้ได้ แต่ถ้าจะเข้าอาคารอีกครั้งก็ต้องสแกนใบหน้าตามระบบความปลอดภัยของโครงการครับ

เข้ามาด้านในจะเจอกับ Front Desk เป็นจุดต้อนรับหลักของอาคาร ถัดไปจะเป็นโถงทางเดินที่เชื่อมไปยังห้อง Mail Box และ Lift Lobby สำหรับขึ้นไปยังชั้นพักอาศัย โดยทุกโซนยังคงออกแบบให้ดูโปร่ง โล่ง ใช้งานสะดวก และคุมโทนสีอบอุ่นแบบเดียวกับล็อบบี้ด้านหน้าเลยครับ

Mail Box ของที่นี่ตั้งอยู่ในจุดที่ใช้งานง่ายสุด ๆ เพราะอยู่ตรงทางเดินผ่านเข้า-ออกโถงลิฟต์พอดี ใครจะขึ้นห้องหรือลงมาก็สามารถแวะรับจดหมายได้สะดวก ตัวห้องออกแบบให้สว่าง โปร่ง และกว้างขวางดีครับ

ส่วนกลางชั้น 8

ขึ้นมาที่ชั้น 8 จะเจอกับ Sky Garden ซึ่งเป็นสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาให้ร่มรื่นน่าใช้งานมาก เดินออกจากห้องมาก็เจอมุมพักผ่อนให้เลือกหลายจุด เหมาะกับคนที่อยากได้ห้องใกล้ธรรมชาติจริง ๆ และยังมี The Cardio Club เป็นห้องฟิตเนสที่จัดเครื่องออกกำลังกายสาย Cardio ไว้แบบจัดเต็ม ใครชอบวิ่ง เดินเร็ว หรือปั่นจักรยานในร่ม น่าจะถูกใจ ส่วนห้องที่อยู่ติดสวน หากกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว ทางโครงการก็มีปลูกแนวไม้พุ่มช่วยพรางสายตาไว้ให้เรียบร้อยครับ

The Cardio Club ออกแบบได้ค่อนข้างใส่ใจรายละเอียด คนที่ชอบวิ่งจะชอบมาก เพราะแต่ละลู่วิ่งถูกจัดสรรพื้นที่ไว้เป็นสัดส่วน มี Partition กั้นให้เป็นส่วนตัว หรือถ้ามากับแฟนก็มีโซนลู่วิ่งคู่ให้วิ่งไปคุยกันไปได้แบบไม่เหงา แถมยังมีโซนที่ติดตั้งจอทีวีสำหรับคนที่อยากดูหนังหรือคลิปเพลิน ๆ ระหว่างออกกำลังกายด้วย ที่สำคัญคือสามารถจองเครื่องล่วงหน้าได้ผ่านแอป ใช้งานง่าย ไม่ต้องแย่งกันครับ

ส่วนกลางชั้น 38

ชั้น 38 ของโครงการ Life พหลฯ – ลาดพร้าว เรียกว่าเป็นไฮไลต์ของส่วนกลางเลยครับ เพราะที่นี่คือจุดเริ่มต้นของ ‘Quadruple Sky Facilities’ ที่มีพื้นที่ส่วนกลางเชื่อมต่อกันถึง 4 ชั้น ตั้งแต่ชั้น 38 ไปจนถึง Rooftop เริ่มกันที่ชั้น 38 กับ Exclusive Sky Club พื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนที่เปิดมุมมองวิวเมืองแบบ Panorama ได้ถึง 180 องศา โดยเฉพาะโซนตรงกลางที่หันหน้าไปทางห้าแยกลาดพร้าว วิวเมืองช่วงหัวค่ำคือสวยมาก เหมาะกับการมานั่งชิลล์ หรือเปลี่ยนบรรยากาศจากห้องขึ้นมานั่งทำงานก็ยังได้ครับ

พื้นที่ส่วนกลางชั้น 38 นี้จัดวางเป็นห้องมุมที่ล้อมด้วยผนังกระจกขนาดใหญ่ ทำให้ทุกมุมสามารถชมวิวเมืองได้ชัดแบบไม่มีอะไรมากั้น แบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ๆ คือ Exclusive Sky Club โซนกลางของห้อง พื้นที่กว้าง รองรับกลุ่มเพื่อนที่มานั่งเล่นหรือเปลี่ยนบรรยากาศกันหลายคน

The Sky Wing เป็นมุมเก้าอี้คู่ที่หันออกไปทางทิศตะวันออก ได้แสงเช้าและวิวเมืองฝั่ง BTS

The Sunset Wing มุมเก้าอี้เดี่ยวชมวิวทางทิศตะวันตก เหมาะกับการมานั่งพักผ่อนคนเดียวหรือคู่ในช่วงเย็น มองพระอาทิตย์ตกจากมุมสูงได้เต็มตาเลยครับ

และอีกหนึ่งไฮไลต์ของชั้นนี้คือห้อง The Entertainment ที่ออกแบบมาเพื่อสายชิลโดยเฉพาะ ภายในมีโต๊ะพูลพร้อมชุดโซฟานั่งเล่น รองรับการมาสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนได้เต็มที่ ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากในห้อง มาหามุมสนุก ๆ แบบวิวสูง ๆ ก็เป็นอีกโซนที่ใช้งานได้จริงครับ

ข้าง ๆ โซน The Sky Wing จะมีลิฟต์แก้วที่ใช้เชื่อมต่อพื้นที่ส่วนกลางแบบ Vertical Living ตั้งแต่ชั้น 38, 39, 40 ไปจนถึง Rooftop ซึ่งเป็นทางขึ้น-ลงเฉพาะสำหรับการใช้งานในโซนส่วนกลางนี้เท่านั้นครับ

ส่วนกลางชั้น 39

ขึ้นมาที่ชั้น 39 พื้นที่ส่วนกลางบนชั้นนี้จะออกแบบเป็นห้องฟังก์ชันย่อย ๆ ที่เปิดให้ลูกบ้านสามารถจองใช้งานล่วงหน้าได้ ช่วยให้การใช้งานมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เดี๋ยวเราไปดูกันครับว่ามีห้องอะไรให้ใช้บ้างบนนั้นบ้าง

มุมแรกบนชั้น 39 คือ The Cloud Corner เป็นจุดชมวิวเมืองที่มองตรงออกไปทางฝั่งห้าแยกลาดพร้าว มองเห็นทั้ง BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว และคอนโดรุ่นพี่อย่าง Life ลาดพร้าว และ Life ลาดพร้าว แวลลีย์ ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน เรียกว่าใครที่เคยสนใจโครงการก่อนหน้า แล้วพลาดไป รอบนี้ก็ยังได้วิวใกล้เคียงกันเลยครับ

The Cloud Social Club เป็นพื้นที่พักผ่อนที่ออกแบบมาเผื่อเวลาชวนเพื่อนมานั่งเมาท์ หรือนัดพบปะเข้าสังคมในบรรยากาศสบาย ๆ ด้านในมีห้องประชุมขนาดใหญ่ พร้อมประตูบานเลื่อนที่เปิด-ปิดได้ และผนังกระจก Full High เปิดรับวิวเมืองฝั่งลาดพร้าวเต็มสายตา ใช้เป็นที่ทำงานหรือจัดกลุ่มเวิร์กช็อปก็สะดวกครับ

การตกแต่งภายในห้องนี้ใส่ใจรายละเอียดพอสมควร โดยเฉพาะผนังที่เลือกใช้หินตกแต่งลายพิเศษอย่าง Onyx Van Gogh Marble ซึ่งช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับพื้นที่แบบไม่ซ้ำใคร

Private Meeting เป็นห้องทำงานแบบส่วนตัวที่ออกแบบมาให้เหมาะกับยุค Work From Home อย่างแท้จริง ใครที่ต้องการสมาธิหรือมีประชุมสำคัญในวันไหนก็สามารถจองมาใช้งานได้ ห้องนี้เงียบสงบ แยกออกจากโซนอื่นชัดเจน แถมยังได้วิวเมืองแบบเต็มตา เพิ่มความผ่อนคลายระหว่างวันทำงานได้ดีเลยครับ

ไฮไลต์ของ Private Meeting อยู่ที่ห้องหมายเลข 01 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณมุมอาคารพอดี ทำให้ผนังห้องด้านนอกเป็นกระจกแบบเข้ามุม 90 องศา เปิดมุมมองกว้างแบบ Panorama มองเห็นวิวสวนจตุจักรและสวนรถไฟได้เต็ม ๆ เป็นอีกหนึ่งห้องที่วิวดีที่สุดในโครงการครับ

อีกโซนหนึ่งของชั้น 39 จะเน้นฟังก์ชันสำหรับการทำงานและการประชุมแบบจริงจัง โดยมีห้อง Family Meeting ซึ่งเป็นห้องประชุมขนาดเล็ก มีโต๊ะกลางชุดเดียว รองรับ 3-4 คน พร้อมจอทีวีสำหรับพรีเซนต์งานได้สบาย ถัดมาเป็นห้อง Social Meeting ที่มีขนาดกว้างขึ้น รองรับได้ประมาณ 6 คน เหมาะกับการนัดคุยงานแบบกลุ่มที่ต้องการพื้นที่มากขึ้น ส่วนห้องสุดท้ายคือ Private Living Room เป็นห้องนั่งเล่นพักคอยที่มีชุดโซฟาให้นั่งใช้งาน เหมาะกับคนที่รอสมาชิกในครอบครัวประชุมอยู่ห้องข้าง ๆ ไม่ต้องลงไปนั่งรอในล็อบบี้ ดีเทลแบบนี้ทำให้รู้สึกว่าโครงการออกแบบมาค่อนข้างเข้าใจชีวิตคนเมือง และคิดเผื่อไลฟ์สไตล์การใช้งานได้รอบด้านเลยครับ

ส่วนกลางชั้น 40

มาถึงชั้น 40 ซึ่งเป็นโซนสำหรับคนรักสุขภาพและการพักผ่อนแบบเต็มตา ไฮไลต์อยู่ที่ Sky Lap Pool Pavilion & Jacuzzi สระว่ายน้ำระบบเกลือยาวถึง 30 เมตร พร้อมจากุซซีที่เทควิวเมืองแบบพาโนรามา และ Sky Fitness ห้องฟิตเนสที่เปิดให้ใช้งานได้ 24 ชั่วโมง ภายในจัดเต็มด้วยอุปกรณ์ครบเซ็ตทั้งคาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่ง รองรับทุกไลฟ์สไตล์การออกกำลังกาย พร้อมวิวสูงที่ช่วยให้การออกกำลังกายไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

Sky Lap Pool แบ่งออกเป็น 5 ฟังก์ชันในหนึ่งเดียว ยาวกว่า 30 เมตร ว่ายออกกำลังกายได้จริงจัง หรือจะเลือกแช่ Jacuzzi เพื่อผ่อนคลายก็ได้เช่นกัน ไฮไลต์คือวิวเมืองแบบเปิดโล่ง และยังมองเห็นสวนใหญ่กว่า 700 ไร่ ได้เต็มตา ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทั้งสวยและใช้ประโยชน์ได้จริง

มี Sun bed สำหรับนอนอาบแดด หรือจะนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกในตอนเย็นแบบชิล ๆ และถ้าอยากผ่อนคลายมากขึ้นก็สามารถลงแช่ Jacuzzi ที่อยู่ในโซนเดียวกันได้ บรรยากาศในช่วงเย็นค่อนข้างเงียบ เหมาะกับการพักผ่อนจริง ๆ

สำหรับโซนออกกำลังกายบนชั้น 40 แบ่งเป็น 3 ห้องหลัก โดยห้องแรกคือ Active Club ซึ่งรวมอุปกรณ์ออกกำลังกายแบบ Weight Training ไว้อย่างครบครัน เหมาะกับสายฟิตที่ต้องการเทรนกล้ามเนื้อแบบจริงจัง

นอกจากห้อง Active Club ที่เน้น Weight Training แล้ว โครงการยังแยกห้อง Burning Club สำหรับออกกำลังกายแบบ Cardio ไว้ต่างหาก เพื่อให้บรรยากาศเงียบสงบมากขึ้น ลดเสียงรบกวนระหว่างกัน ใครอยากปั่นจักรยาน วิ่งลู่ ชมวิวเมืองเพลิน ๆ ก็เลือกห้องนี้ได้เลยครับ

และห้องสุดท้ายของชั้นนี้คือ Private Gym พื้นที่อเนกประสงค์ที่ลูกบ้านสามารถจองใช้งานแบบส่วนตัวได้ ไม่ว่าจะใช้ฝึกโยคะ จัดคลาสเต้น หรือออกกำลังกายตามโปรแกรมของตัวเอง ก็มีความเป็นส่วนตัวสูง พร้อมวิวเมืองด้านนอกที่เปิดโล่ง ช่วยให้บรรยากาศการออกกำลังกายนั้นผ่อนคลายมากขึ้นครับ

ส่วนกลางชั้น Rooftop

Rooftop ของ Life พหลฯ-ลาดพร้าว ถูกออกแบบเป็นสวนลอยฟ้าแบบ 2 ชั้น มีทั้งพื้นที่นั่งเล่นแบบกลุ่มและมุมสงบสำหรับนั่งคนเดียว ชมวิวเมืองได้แบบ Panorama รอบทิศ เป็นอีกหนึ่งจุดพักผ่อนที่เงียบ สงบ และมีวิวสวยสุด ๆ ของโครงการครับ

บน Rooftop จะถูกแบ่งเป็น 2 ระดับ โดยชั้นแรกจะเป็นมุมนั่งเล่นชมวิว ซึ่งทางโครงการวางผังไว้ให้รับวิวทางทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้เป็นหลัก มองเห็นวิวสวนจตุจักรและสวนรถไฟกว่า 700 ไร่ได้แบบเต็มตา เหมาะกับการมานั่งพักช่วงเย็น รับลมชมพระอาทิตย์ตกในบรรยากาศที่หาได้ยากใจกลางเมืองครับ

บน Rooftop ยังมีบันไดให้เดินขึ้นมาต่อที่ชั้นบนสุด ซึ่งออกแบบให้เป็นจุดชมวิวทางฝั่งตะวันออกแบบ Panorama โดยจะแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายโซน ได้แก่ Panoramic Sky Hill, Sky Courtyard, Private Sky Yard และ Private Backyard แต่ละโซนจะถูกออกแบบให้มีบรรยากาศต่างกัน เช่น สนามหญ้ากว้างที่เหมาะกับการนั่งเล่นสบาย ๆ, ทางเดินพร้อมราวกันตกกระจกสำหรับชมวิวเต็มตา, และมุมนั่งเล่นที่มีโซฟาจัดวางไว้ให้ใช้งานจริง ทั้งหมดนี้ช่วยให้พื้นที่ส่วนกลางของโครงการดูมีชีวิตชีวามากขึ้น และเป็นอีกจุดที่น่าขึ้นมานั่งพักหรือถ่ายรูปเก็บบรรยากาศของกรุงเทพฯ จากมุมสูงครับ

วิวนี้จะเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของ North CBD อย่างสวนจตุจักรและสวนรถไฟได้เต็ม ๆ ซึ่งถือเป็นมุมมองที่หาได้ยากมากในคอนโดใจกลางเมือง เพราะด้านหน้าติดกับเซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่ไม่น่าจะมีการรื้อถอนเพื่อสร้างตึกสูงในเร็ว ๆ นี้ ทำให้วิวฝั่งนี้น่าจะอยู่ได้ยาวแบบไม่ถูกบล็อกครับ

ทั้งหมดนี้คือสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางของ Life พหลฯ – ลาดพร้าว ที่จัดเต็มครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งพักผ่อน ออกกำลังกาย พบปะ หรือทำงานได้ครบในที่เดียว ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ให้ Facility ได้คุ้มมากเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตเพียง 598 ยูนิต โดยค่าส่วนกลางของที่นี่จะอยู่ที่ 60 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือนครับ เดี๋ยวเราไปต่อกันที่ห้องตัวอย่างกันครับ จะพาไปดูทั้ง Simplex 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม., Simplex 2 Bedroom ขนาด 57 ตร.ม. และ New Vertiplex 2 Bedroom 40 ตร.ม. ว่าแบบไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณบ้างกันครับ

แบบห้อง : New Vertiplex

  • พื้นที่ใช้สอย : 40 ตร.ม.
  • 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ระเบียง

เราพาไปชมแบบ New Vertiplex 2 Bedroom ที่มาพร้อมกับ เพดานสูงถึง 4.4 เมตร ฟีลห้องนี้ใกล้เคียงกับบ้านหรือทาวน์โฮมมาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องความโปร่งโล่งจากเพดานสูง และการแยกสัดส่วนพื้นที่ใช้งานได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น 1 ห้องนอน, 1 ห้องน้ำ, โซนครัวแยก, มุมอเนกประสงค์ และห้องอเนกประสงค์บนชั้นลอย ห้องนี้ที่ให้อารมณ์แตกต่างจากคอนโดทั่วไปอย่างชัดเจน ด้วยเพดานสูงและดีไซน์เล่นระดับ เหมาะกับคนที่อยากได้พื้นที่ที่ “มากกว่า” ทั้งความรู้สึกและการใช้งานจริงครับ

ตำแหน่งห้องครัวของห้องนี้จะเป็นครัวเปิดที่อยู่ด้านหน้า ใกล้กับประตูทางเข้า เหมาะสำหรับทำอาหารเบา ๆ หรืออุ่นอาหารง่าย ๆ ซึ่งโครงการให้ชุดเคาน์เตอร์ครัว Built-in มาให้เรียบร้อย วางตู้เย็นเข้ามุมเป็นสัดส่วน ช่วยให้ใช้งานสะดวก อีกฝั่งหนึ่งของครัวจะเป็นห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกัน 

ภายในห้องน้ำจัดวางฟังก์ชันมาอย่างลงตัว มาพร้อมสุขภัณฑ์ครบชุด มีฉากกั้นอาบน้ำแยกโซนเปียก-แห้งเป็นสัดส่วน และเดินงานระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้เรียบร้อย

เข้ามาในส่วนของ Common Area จะสัมผัสได้ถึงความโปร่งโล่งทันที ด้วยกระจกบานใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวเมืองได้เต็มตา ให้ความรู้สึกคล้ายอยู่บ้าน 2 ชั้นเหมือนกันนะครับ มุมโต๊ะรับประทานอาหารจะอยู่ติดกับมุมนั่งเล่น ทำให้ใช้งานสะดวก ไม่ว่าจะดูทีวีหรือทานอาหารก็สามารถทำไปพร้อมกันได้ อีกทั้งยังอยู่ติดหน้าต่าง จึงสามารถนั่งชมวิวเมืองได้ตลอดทั้งวัน เดี๋ยวเราไปต่อกันที่ห้องนอนชั้นล่างกันครับ

ทางเข้าห้องนอนจะถูกจัดวางให้มีความเป็นส่วนตัวสูง ด้วยผนังทึบและประตูปิดมิดชิด ภายในห้องนอนกว้างขวาง รองรับเตียงขนาด 5-6 ฟุต พร้อมพื้นที่รอบเตียงให้เดินใช้งานได้สะดวก โดยตำแหน่งห้องนอนอยู่ติดริมระเบียง จึงสามารถเปิดรับลมธรรมชาติและแสงแดดได้เต็มที่ นอนชมวิวเมืองจากเตียงได้สบาย ๆ ด้านข้างเตียงจะเป็นโซนแต่งตัว เชื่อมต่อกับห้องน้ำโดยตรง ใช้งานต่อเนื่องกันได้อย่างลงตัว

ในส่วนของบันได โครงการ Built-in มาให้พร้อมราวจับ โครงสร้างเป็นเหล็กแข็งแรง ออกแบบให้ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า จึงไม่มีชานพักบันไดแบบชัดเจน ความชันของขั้นบันไดจะนิดนึงนะครับ แต่ก็ยังใช้งานได้คล่องตัว มีราวจับช่วยเพิ่มความมั่นใจขณะขึ้น-ลง

จากชั้นลอยมองลงมาก็จะเห็น Commons Area พอดี ทำให้รู้สึกเชื่อมต่อกับพื้นที่ด้านล่าง และได้บรรยากาศโปร่งโล่งแบบบ้านสองชั้น เพิ่มมิติให้กับการอยู่อาศัยได้ดีทีเดียวครับ

พื้นที่อเนกประสงค์บนชั้นลอยกว้างขวางพอสมควรครับ สามารถจัดเป็นมุมทำงานได้สบาย ๆ หรือจะใช้เป็นโซนอ่านหนังสือ มุมนั่งเล่น หรือจัดโต๊ะทำงานแบบคู่ สำหรับใช้งานพร้อมกัน 2 คนก็ยังพอได้ รองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่เน้นพื้นที่ทำงานในบ้านได้ดีเลย

และห้องนอนบนชั้นลอย ถูกออกแบบให้โปร่งโล่งด้วยผนังกระจกใสบานใหญ่ ช่วยเชื่อมต่อบรรยากาศกับพื้นที่ด้านล่างได้ดี ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดแม้จะอยู่บนชั้นลอย ประตูห้องเป็นบานเลื่อนแบบเปิดได้กว้าง ใช้งานสะดวก และยังช่วยประหยัดพื้นที่ เหมาะกับคนที่ชอบห้องนอนที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวแต่ยังคงความเปิดโล่งไว้

ภายในห้องนอนชั้นลอยมีขนาดใกล้เคียงกับห้องนอนด้านล่าง ทำให้ใช้งานได้สะดวกสบาย ไม่อึดอัด สามารถวางเตียงขนาด 5–6 ฟุต ได้อย่างพอดี พร้อมพื้นที่ให้เดินรอบเตียง รวมถึงจัดวางโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าได้อย่างครบถ้วน

ภายในห้องนอนมีหน้าต่างที่เปิดรับแสงและลมธรรมชาติได้ดี ทำให้บรรยากาศภายในปลอดโปร่ง สว่างสบาย และสามารถนอนชมวิวเมืองได้จากเตียงโดยตรง โครงการยัง Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่สูงจากพื้นจรดฝ้ามาให้ ช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บของได้เยอะ เหมาะกับคนที่ต้องการฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และความเป็นส่วนตัวแบบแยกชั้นอย่างชัดเจน 

แบบห้อง : 1 Bedroom

  • พื้นที่ใช้สอย : 35 ตร.ม.
  • 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ระเบียง

ถัดมาเป็นห้องตัวอย่าง Simplex 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. ซึ่งห้องแบบ Simplex จะได้เพดานสูง 2.55 ม. ฟังก์ชันภายในถูกออกแบบให้เป็นสัดส่วนชัดเจน เริ่มตั้งแต่โซนห้องครัวที่ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิโต้ขนาด 60×60 ซม. ต่อเนื่องไปยังห้องนั่งเล่นและห้องนอนที่ปูลามิเนตหนา 8 มม. ให้ความรู้สึกอบอุ่นและอยู่สบาย ขณะที่พื้นที่ระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30×30 ซม. พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ครบตั้งแต่วันแรกที่เข้าอยู่เลยครับ

ห้องมาตรฐานจะได้ชุดครัว Built-in จาก SB Furniture มาให้หน้าตาแบบในภาพเลยครับ เป็นดีไซน์พรีเมียมเกรด Top เคาน์เตอร์จะเป็นหินสังเคราะห์ที่ทนน้ำ ทนความร้อนได้ดี ติดตั้งเครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้า และซิงค์มาให้ครบ Built-in ตู้ลอยมาให้ใช้เก็บของเพิ่มเติมได้อีกด้วยครับ ส่วนฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นตำแหน่งวางตู้เย็น ติดกันเป็นทางเข้าห้องน้ำครับ

ในส่วนของห้องน้ำที่นี่จะใช้เป็นแบบห้องน้ำสำเร็จรูป ซึ่งมีข้อดีในเรื่องมาตรฐานการผลิตที่ควบคุมคุณภาพได้ดี ติดตั้งง่ายและกันน้ำได้เยี่ยม เข้า-ออกห้องน้ำทำได้ 2 ทาง ทั้งจากห้องครัวและห้องนอน สะดวกมากเวลามีแขกมา ไม่ต้องพาเดินผ่านห้องนอนเลยครับ

ภายในห้องน้ำจัดสรรเป็นสัดส่วน ปูกระเบื้องทั้งผนังและพื้น ใช้งานง่ายและดูแลง่าย พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ที่ช่วยให้ห้องดูโปร่งขึ้น สุขภัณฑ์ใช้ของ Kohler ทั้งชุด มี Low Wall สำหรับวางของใช้จุกจิกได้ เพิ่มความสะดวก ส่วน Shower Box มีฉากกั้นอาบน้ำกระจก Tempered Glass บานเปิด พร้อมฝักบัวอาบน้ำ และมีการเดินระบบไฟรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้พร้อมครับ

ถัดมาด้านในจะเจอกับ Common Area ที่รวมโซนนั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารไว้ด้วยกัน ขนาดห้องกว้างขวาง จัดวางเฟอร์นิเจอร์หลัก ๆ ได้ครบ ทั้งโซฟา โต๊ะทานอาหาร หรือจะวางโต๊ะทำงานเพิ่มก็ยังเหลือพื้นที่ โดยมีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน แยกเป็นสัดส่วนจากห้องครัวและระเบียง ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาเต็มที่ พร้อมเปิดรับลมได้ดีครับ

โต๊ะทานอาหารที่จัดไว้จะเป็นแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งเหมาะกับขนาดห้องพอดี มีระยะให้เดินรอบโต๊ะได้สะดวก ไม่อึดอัด และด้วยตำแหน่งที่วางไว้ใกล้โซฟา ทำให้สามารถนั่งกินข้าวไป ดูทีวีไปได้แบบชิล ๆ ใครที่ชอบกินข้าวพร้อมเปิดซีรีส์ดูน่าจะถูกใจครับ

มุม Living Area รองรับโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งได้พอดี นั่งดูทีวีได้ในระยะสบายตา สามารถติดตั้งทีวีใหญ่ขนาด 60 นิ้วได้เลย ถัดไปจะเป็นระเบียง เปิดรับลมธรรมชาติและแสงแดดในช่วงกลางวัน ถ้าติดมุ้งลวดเพิ่มอีกนิดก็ช่วยกันยุงกันแมลงได้ดี ส่วนตอนกลางคืนก็จะได้วิว City Night Life แบบเต็มตา ระเบียงห้องนี้จะติดตั้ง CDU แอร์แบบแขวนไว้ด้านบน ทำให้ไม่กินพื้นที่ใช้สอยด้วยครับ

ไปดูห้องนอนกันครับ ซึ่งจะมีประตูบานทึบกั้นแยกโซนเอาไว้ชัดเจน เรามองว่าการใช้ประตูบานทึบแบบนี้ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว และให้บรรยากาศที่สงบ เหมาะกับการพักผ่อนมากกว่าประตูกระจกบานเลื่อนที่หลาย ๆ โครงการนิยมใช้กันในช่วงหลัง ๆ

ภายในห้องนอนถือว่ากว้างกำลังดี วางเตียง 5-6 ฟุตได้สบาย พร้อมเหลือพื้นที่ให้เดินรอบเตียงแบบไม่อึดอัด จุดเด่นคือห้องอยู่ริมอาคาร ติดหน้าต่างบานใหญ่ รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ เห็นวิวจากเตียงแบบไม่มีอะไรมาบัง สองฝั่งของเตียงวางโต๊ะหัวเตียงได้ครบ อีกมุมสามารถจัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือมุมนั่งทำงานเล็ก ๆ ก็ลงตัว ส่วนปลายเตียงติดตั้งตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ พร้อมประตูห้องน้ำที่สามารถเข้าได้จากในห้องนอน เพิ่มความสะดวกเวลาพักผ่อนครับ

ตู้เสื้อผ้าจะ Built-in มาให้เป็นมาตรฐานในทุกยูนิต หน้าตาแบบเดียวกับในห้องตัวอย่างนี้เลยครับ โดยขนาดของตู้จะแตกต่างกันไปตามขนาดของห้องพักแต่ละแบบ แต่ฟังก์ชันการใช้งานจัดมาให้ครบ ทั้งราวแขวน ชั้นวางของ และลิ้นชักภายใน ใช้งานได้เลย

แบบห้อง : 2 Bedroom

  • พื้นที่ใช้สอย : 57 ตร.ม.
  • 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ระเบียง

ใครที่กำลังหาคอนโดใจกลางเมืองไว้สำหรับอยู่เป็นครอบครัวไซซ์เริ่มต้น หรืออยากได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น พร้อมฟังก์ชันแยกห้องนอนได้ชัดเจน ห้องนี้น่าจะตรงใจเลยครับ กับห้องตัวอย่าง Simplex 2 Bedrooms ขนาด 57 ตร.ม. แบ่งเป็น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พร้อม Commons Area ขนาดใหญ่แปลนหน้ากว้าง ฟังก์ชันจัดวางลงตัว พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนปูลามิเนตหนา 8 มม. ห้องครัวและระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30×30 ซม. ใช้งานง่าย ดูแลรักษาสะดวก ทั้งยังเหมาะกับการอยู่อาศัยแบบจริงจังมากขึ้นอีกด้วยครับ

บริเวณหน้าห้องครัวจะมีพื้นที่สำหรับ Built-in ตู้รองเท้าและชั้นวางของแบบในภาพเลยครับ ช่วยให้จัดระเบียบของใช้หน้าประตูบ้านได้ดี และยังมีช่องสำหรับวางของตกแต่งหรือวางกุญแจก่อนออกจากบ้านได้ด้วย เรียกว่าทั้งใช้งานได้จริงและสวยงามลงตัวครับ

ภายในห้องครัวจะได้เคาน์เตอร์ Built-in พร้อมตู้เก็บของทั้งด้านบนและด้านล่าง มีพื้นที่วางเครื่องใช้ไฟฟ้าครบ ทั้งไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น พร้อมซิงค์ล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน ซึ่งเป็นครัวแบบปิด ช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวนเวลาทำอาหารได้ดีครับ

อีกฝั่งจากห้องครัวจะเป็นโซน Commons Area ซึ่งจัดวางมุมโต๊ะอาหารแบบ 4 ที่นั่งได้พอดี เชื่อมต่อกับมุม Living Area ที่สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้อย่างลงตัว ติดกับประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดออกไประเบียง รับแสงธรรมชาติได้เต็ม ๆ ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง สว่างทั่วถึงตั้งแต่ระเบียงยาวไปถึงครัวเลยครับ บรรยากาศภายในจึงน่าอยู่ เหมาะกับการใช้ชีวิตของครอบครัวขนาดเริ่มต้นหรือคนที่ชอบพื้นที่ใช้สอยแบบเป็นสัดส่วนแต่ไม่อึดอัด คู่รักอยู่ได้สบาย ๆ เลย

จากโซน Commons Area เดินตรงเข้ามาจะเป็นโซนพักผ่อนส่วนตัวที่แยกออกมาอย่างเป็นสัดส่วน โดยจัดวางเป็น 2 ห้องนอน อยู่คนละฝั่งของห้อง ช่วยให้ใช้งานได้เป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่รบกวนกัน เหมาะสำหรับครอบครัว หรือจะอยู่กับ Roommate ก็ลงตัวครับ

ระหว่างทางเดินเข้าไปยังโซนห้องนอน จะเจอกับห้องน้ำที่ออกแบบให้รองรับการใช้งานของทั้งผู้ใช้งานในโซนห้องนั่งเล่น และห้องนอนที่ 2 ได้อย่างสะดวก ภายในจัดวางชุดสุขภัณฑ์มาให้ครบครัน และ Shower Box แยกโซนเปียก–แห้ง พร้อมติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจก Tempered Glass มาให้เรียบร้อย ใช้งานได้สะดวกและดูแลทำความสะอาดง่ายครับ

ด้านในสุดของทางเดินจะเป็นตู้เก็บของขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้อย่างเป็นระเบียบครับ จากตรงนี้เราจะพาไปดู Master Bedroom ห้องซ้ายมือกันต่อเลย

เข้ามาด้านใน Master Bedroom จะเห็นเลยครับว่าขนาดห้องใหญ่ใช้ได้ วางเตียงขนาด 6 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่เดินรอบเตียงได้สบาย ๆ หัวเตียงสามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้งสองฝั่ง ทำให้ใช้งานได้สะดวก ปลายเตียงสามารถ Built-in เป็นชั้นวางทีวี หรือจะจัดเป็นมุมนั่งทำงานเล็ก ๆ พร้อมวางโต๊ะเครื่องแป้งก็ยังไม่รู้สึกอึดอัด ที่สำคัญคือได้หน้าต่างบานใหญ่แบบ Wide Opening รับวิวเมืองได้เต็มตา พร้อมแสงธรรมชาติส่องเข้ามาในห้องตลอดวัน ช่วยให้บรรยากาศในห้องน่านอนขึ้นอีกเยอะเลยครับ

หันกลับมาทางฝั่งหน้าประตู จะเป็นโซน Walk-in Closet ที่แยกเป็นสัดส่วน ได้ตู้เสื้อผ้า Built-in หน้าตาแบบนี้เลยครับ ใช้งานได้เต็มพื้นที่ ติดกันเป็นห้องน้ำในตัวของ Master Bedroom ที่สะดวกสบายสำหรับเจ้าของห้อง ไม่ต้องเดินออกไปใช้ร่วมกับคนอื่นในบ้าน ช่วยให้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ

ภายในห้องน้ำของ Master Bedroom จะได้ชุดสุขภัณฑ์ครบถ้วน แยกโซนเปียก–แห้งไว้ให้เรียบร้อย จัดวางฟังก์ชันได้ลงตัว ใช้งานสะดวกเหมือนเช่นเคย

ห้องนอน 2 ของแปลนนี้ถือว่ากว้างใช้ได้เลยครับ ได้หน้าต่างกระจกบานใหญ่พิเศษ เปิดรับวิวเมืองได้เต็ม ๆ เหมือนกับ Master Bedroom พื้นที่ภายในสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบาย พร้อมโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ก็ยังมีพื้นที่เหลือให้เดินใช้งานสะดวก

ห้องน้ำที่เชื่อมต่อแบบเข้า-ออกได้ 2 ทาง ใช้ร่วมกับพื้นที่ส่วนกลางได้โดยไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน เป็นสัดส่วนและสะดวกต่อการใช้งานมากครับ

ทำเลที่ตั้ง

โครงการ Life พหลฯ – ลาดพร้าว คือที่สุดของความสะดวกในโซน New CBD ตอนเหนือของกรุงเทพฯ ห่างจาก BTS ห้าแยกลาดพร้าว เพียง 200 เมตร* เดินถึงได้ง่าย ใกล้ทั้ง Central ลาดพร้าว และ The  Central พหลโยธิน (ในอนาคต) รายล้อมด้วยอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ เหมาะกับคนทำงานที่อยากมีบ้านใกล้ออฟฟิศ พร้อมได้วิวสวนจตุจักรและสวนรถไฟขนาดใหญ่กว่า 700 ไร่* เดินไปออกกำลังกายได้ในระยะประมาณ 1 กม.* วอร์มเบา ๆ ก่อนได้เลยครับ ส่วนการเดินทางสะดวกทั้งรถส่วนตัวและรถสาธารณะ ติดถนนพหลโยธิน เชื่อมต่อถนนหลักได้หลากหลาย ทั้งถนนวิภาวดีรังสิต ถนนลาดพร้าว ถนนรัชดาภิเษกและใกล้ทางด่วนถึง 2 สาย ดอนเมืองโทลล์เวย์และทางพิเศษศรีรัช ส่วนใครไม่ใช้รถ โครงการก็ใกล้รถไฟฟ้าหลายสาย ทั้ง BTS สายสีเขียว, MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีเหลือง เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่เชื่อมต่อทุกโหมดการเดินทางได้ใน “ต่อเดียว”

สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ

ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

The Central พหลโยธิน

Central ลาดพร้าว

Lotus’s ลาดพร้าว

Union Mall

Major Cineplex รัชโยธิน

Big C ลาดพร้าว 2

JJ Mall

โรงพยาบาล

รพ.เปาโล เกษตร

รพ.วิภาวดี

รพ.พญาไท พหลโยธิน

รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น

รพ.วิมุต



สถานศึกษา

รร.หอวัง

John Wyatt Montessori

มหาวิทยลัยเกษตรศาสตร์

มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น
โรงเรียนนานาชาติเซนต์ สตีเฟ่นส์

โรงเรียนบีคอนเฮาส์ แย้มสอาดลาดพร้าว

มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม

สรุป

ถ้าคุณกำลังมองหาคอนโดใจกลางเมือง ที่เดินทางง่าย แต่ไม่วุ่นวายจนเกินไป โครงการ Life พหลฯ – ลาดพร้าว อาจเป็นคำตอบที่ใช่ โครงการอยู่ติดถนนพหลฯ เดินถึง BTS ห้าแยกลาดพร้าวแค่ 200 เมตร* รอบ ๆ มีทั้ง Central ลาดพร้าว, Lotus’s และ The Central พหลโยธินที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดจากตัวโครงการ เรียกได้ว่าอยู่กลางความสะดวกแบบพอดี ๆ ไม่จอแจเกินไป ยูนิตมีแค่ 598 ห้อง ให้ความเป็นส่วนตัวสูงมากเมื่อเทียบกับคอนโด High Rise ทั่วไป ห้องพักเน้นอยู่สบาย ฟังก์ชันไม่ซอยย่อยเกินไป มีให้เลือกทั้งแบบเพดานสูง New Vertiplex และแบบ Simplex แต่จัดพื้นที่ได้ลงตัว ส่วนกลาง 6 ชั้น + Rooftop ที่เชื่อมกัน 4 ชั้น ตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียม เช่น หินอ่อนนำเข้า งานดีเทลแบบ Craft ที่เห็นแล้วรู้เลยว่าใส่ใจ ถ้าคุณอยากได้คอนโดที่เงียบ สงบ ใกล้รถไฟฟ้า และเดินทางสะดวกจริง ๆ โดยไม่ต้องยอมแลกกับความวุ่นวาย… ลองแวะมาดูโครงการนี้ดูนะครับ

 

#Homeday #รีวิว #APLivingseries #APThai #APCondo #LifePhahonLadprao #ไลฟ์พหลลาดพร้าว #NorthCBD #คอนโด #คอนโดใกล้BTS #ห้าแยกลาดพร้าว #เริ่มชีวิตที่อยากใช้APคอนโด

อ่านเพิ่ม
The Palm (copy)
Sidebar
บทความล่าสุด
PROUD ร่วมงาน Oppday โชว์รายได้ Q2/68 กำไรโต 118% Backlog แตะ 7,709 ลบ. หนุนรายได้ครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง
ข่าวสาร
แสนสิริ ชวนตัวท็อปสายอาร์ตชาว มข. ร่วมปล่อยของให้ “ถึงแก่น” กับ “Artizen KKU Edition” สร้างสรรค์ Wall Painting ใจกลางเมือง
ข่าวสาร
กลุ่มดุสิตธานี เผยโฉม “Sales Gallery” โครงการ ดุสิต อจารา หัวหิน มอบประสบการณ์ Multi-generational Living ที่พักอาศัยที่ดีที่สุด บนทำเลศักยภาพหัวหิน พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท
ข่าวสาร
ครั้งแรกของวงการกาวยาแนว! จระเข้ คอลแลบกับสตรีตอาร์ติสต์ “Rukkit” เปิดตัวกาวยาแนว 2 สีใหม่ พาโลก “ศิลปะ” มาเจอกับ “นวัตกรรมก่อสร้าง” ตอกย้ำ “กาวยาแนวก็อาร์ตได้”
ข่าวสาร
“คลินิกแก้หนี้ by SAM” ร่วมมือพันธมิตร 3 หน่วยงานภาครัฐ ให้ความรู้การเงิน เครือข่ายคนพิการ
ข่าวสาร
รีวิวโครงการ
รีวิว ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว (Life Phahon-Ladprao) คอนโดใหม่ แต่งครบ พร้อมอยู่ ยูนิตน้อย ทำเล North CBD ห้าแยกลาดพร้าว ตรงข้าม The Central พหลโยธิน
Review
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ สุขุมวิท 77 (The Signature Sukhumvit 77) บ้านหรูระดับ Super Luxury บททำเลอ่อนนุช-ลาดกระบัง
Review
รีวิว เคฟ เพลย์กราวด์ ลาดพร้าว-บดินทรเดชา (Kave Playground Ladprao-Bodindecha) คอนโดใหม่ Fully Furnished ติดบดินทรเดชาฯ ส่วนกลางจัดเต็ม 60 รายการ และโซน Pet-Friendly แยกตึก
Review
รีวิว ศุภาลัย เลค วิลล์ จันทบุรี (Supalai Lake Ville Chanthaburi) บ้านหรูสไตล์ Tropical Modern ใจกลางธรรมชาติริมทะเลสาบกว่า 10 ไร่ พร้อมฟังก์ชันครบครัน รองรับชีวิตระดับพรีเมียมในทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของจันทบุรี
Review
รีวิว ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง (Supalai River Ville Rayong) บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Tropical Series ฟีลดีติดริมแม่น้ำ ทำเลคุณภาพใจกลางเมืองระยอง
Review
Loading..