ต้นตะโกเป็นไม้ยืนต้นพันธุ์ไทยแท้ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Diospyros rhodocalyx Kurz อยู่ในตระกูล EBENACEAE ชื่อภาษาอังกฤษเรียกว่า Ebony และมีชื่อท้องถิ่นหลากหลาย เช่น ตะโกนา, นมงัว, มะโก, มะถ่านไฟผี, โก, ตองโก และพญาช้างดำ
ต้นตะโกเป็นไม้ต้นขนาดกลางที่สูงได้ถึง 15 เมตร มีลำต้นสีดำแตกเป็นสะเก็ดหนา ใบเดี่ยวสีเขียวเรียงสลับกัน รูปไข่ กว้างประมาณ 2.5-7 เซนติเมตร ยาว 3-12 เซนติเมตร ออกดอกแยกเพศ ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อเล็กประมาณ 3 ดอก ส่วนดอกเพศเมียเป็นดอกเดี่ยว ผลทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-3 เซนติเมตร ผลอ่อนมีขนสีน้ำตาลแดง

ขอบคุณภาพจาก : kapook
ต้นตะโกมีความสำคัญทางวัฒนธรรมอย่างไร
ต้นตะโกถือเป็นไม้มงคลที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมไทยมาช้านาน ในประวัติศาสตร์การสร้างพระเมรุมาศสำหรับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต้นตะโกได้รับการเลือกเป็นพรรณไม้หลักมากกว่า 200,000 ต้น เพื่อประดับพระเมรุมาศ 4 การเลือกใช้ต้นตะโกเป็นเพราะต้นไม้ชนิดนี้ทนทานต่อทุกสภาพอากาศและสื่อถึงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
ความเชื่อเรื่องไม้มงคลในประเทศไทยมีรากฐานมาจากความเชื่อดั้งเดิมก่อนการเข้ามาของศาสนาพุทธ คนโบราณมีความเชื่อในการกราบไหว้ต้นไม้ใหญ่ เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของอารักษ์และวิญญาณบรรพบุรุษ เนื่องจากต้นตะโกมีอายุยืนและทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดี จึงเชื่อว่าเป็นไม้มงคล หากนำมาปลูกไว้ทางทิศใต้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและความอดทนอดกลั้นให้กับคนในบ้าน

ขอบคุณภาพจาก : kapook
สรรพคุณทางการแพทย์และประโยชน์ของต้นตะโก
ต้นตะโกมีสรรพคุณทางการแพทย์แผนไทยที่หลากหลาย โดยแต่ละส่วนของต้นจะมีประโยชน์แตกต่างกัน
ผลตะโก
ผลตะโกมีรสฝาดหวาน สามารถนำมาใช้แก้ท้องร่วง แก้ตกเลือด แก้มวนท้อง ขับพยาธิ แก้กษัย แก้ฝี และแผลเน่าเปื่อย ผลสุกสามารถรับประทานได้ มีรสหวานอมฝาด
เปลือกต้น
เปลือกต้นตะโกมีรสเฝื่อนฝาดขม ใช้บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร แก้มุตกิด ระดูขาว แก้รำมะนาด ปวดฟัน และเป็นยาอายุวัฒนะ การใช้เปลือกต้นตะโกต้มกับเกลืออมสามารถแก้รำมะนาดและปวดฟันได้ การศึกษาวิจัยทางพรีคลินิกพบว่าเปลือกตะโกนามีฤทธิ์ต้านออกซิเดชันและยับยั้งการแตกตัวของเม็ดเลือดแดง
เปลือกผล
เปลือกผลตะโกมีรสฝาด เมื่อเผาเป็นถ่านจะมีรสเย็น ใช้ขับระดูขาวและขับปัสสาวะ
ราก
รากต้นตะโกสามารถนำมาต้มน้ำดื่มแก้โรคเหน็บชา โรคกษัยไตพิการ น้ำเหลืองเสีย แก้ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย ช่วยเจริญอาหาร และแก้ร้อนใน

ขอบคุณภาพจาก : Kaset Today
เทคนิคการปลูกและดูแลต้นตะโก
การขยายพันธุ์
ต้นตะโกสามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี ได้แก่ การเพาะเมล็ด การปักชำ และการตอนกิ่งการเพาะเมล็ดจะใช้เวลานานแต่สามารถควบคุมคุณภาพได้ดี ส่วนการตอนกิ่งและการขุดล้อมจากธรรมชาติเป็นวิธีที่นิยมมากกว่า
สำหรับการเพาะเมล็ด ควรแช่เมล็ดในน้ำเป็นเวลา 24 ชั่วโมงก่อนปลูกเพื่อเพิ่มอัตราการงอก 13 จากนั้นนำเมล็ดมาปลูกในกระถางเพาะกล้าที่มีดินร่วนผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
การเตรียมดินและหลุมปลูก
หากปลูกลงดิน ควรขุดหลุมขนาด 50x50x50 เซนติเมตร ใช้ดินร่วนร่วนผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตราส่วน 1:2 สำหรับการปลูกในกระถาง ควรใช้กระถางทรงสูงขนาด 12-24 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักผสมดินร่วนในอัตรา 1:1
ความต้องการแสงและน้ำ
ต้นตะโกต้องการแสงแดดปานกลางถึงแสงแดดจัด เป็นไม้กลางแจ้งที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้น 13 สำหรับการให้น้ำ ต้นตะโกทนแล้งได้ดี ควรรดน้ำปานกลางให้ดินชื้นแต่ไม่แฉะ ในช่วงแรกหลังปลูกควรให้น้ำสม่ำเสมอ แต่หากเป็นฤดูฝนควรงดน้ำและปล่อยตามธรรมชาติ
การให้ปุ๋ยและการดูแลรักษา
ควรบำรุงด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักปีละ 4-6 ครั้ง สำหรับการใช้ปุ๋ยเคมี ต้องเจือจางให้เหมาะสม เพราะหากเข้มข้นเกินไปอาจทำให้ต้นตะโกเหี่ยวเฉาได้ ในช่วงหน้าหนาวไม่ควรใส่ปุ๋ยเพราะต้นตะโกจะไม่เจริญเติบโต
ต้นตะโกไม่ค่อยมีปัญหาโรคและแมลงมากนัก แต่ควรฉีดยาป้องกันโรคและแมลงอย่างน้อย 1-2 เดือนต่อครั้ง ควรเปลี่ยนกระถางทุกๆ 2-3 ปี หรือตามการเจริญเติบโตของต้น
การใช้ประโยชน์อื่นๆ ของต้นตะโก
นอกจากคุณค่าทางการแพทย์แล้ว ต้นตะโกยังมีประโยชน์หลากหลายด้าน ใช้เป็นไม้ประดับและไม้ดัด โดยเฉพาะการทำบอนไซซึ่งเป็นที่นิยมมาก ต้นตะโกมีคุณสมบัติเหมาะสำหรับทำบอนไซเพราะมีใบเล็ก พุ่มใบแน่น และทนทานต่อการดัดแต่ง
เนื้อไม้ตะโกสามารถนำมาทำเครื่องใช้ไม้สอยในครัวเรือน เครื่องมือเครื่องใช้ทางการเกษตร เช่น ด้ามจอบ ด้ามเสียม และยังใช้ในงานแกะสลักได้อีกด้วย ผลอ่อนสามารถนำมาย้อมผ้าให้ได้สีน้ำตาล เปลือกต้นให้น้ำฝาดที่ใช้สำหรับฟอกหนัง
ในอดีต ชาวไทยภาคเหนือนิยมใช้ผลตะโกย้อมเสื้อผ้าทำงานให้เป็นสีดำธรรมชาติ การย้อมด้วยผลตะโกจะให้สีตั้งแต่สีเทาอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลหลากเฉดและสีดำ การย้อมให้เป็นสีดำธรรมชาติต้องย้อมมากกว่า 25 ครั้ง
สรุป
ต้นตะโกเป็นไม้มงคลพันธุ์ไทยแท้ที่มีคุณค่าหลากหลายทั้งทางวัฒนธรรม การแพทย์ และเศรษฐกิจ ด้วยความทนทานต่อสภาพอากาศและการปลูกที่ไม่ยุ่งยาก ทำให้ต้นตะโกเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกไม้ประดับที่มีความหมายและประโยชน์ การดูแลรักษาเพียงให้แสงแดดเพียงพอ รดน้ำอย่างเหมาะสม และใส่ปุ๋ยปีละ 4-6 ครั้ง ก็สามารถทำให้ต้นตะโกเจริญเติบโตได้ดี นอกจากจะได้ความสวยงามแล้ว ยังได้ประโยชน์จากสรรพคุณทางสมุนไพรและความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
#สาระ #ต้นตะโก #ไม้มงคล #สมุนไพรไทย #การปลูกต้นไม้ #เศรษฐกิจพอเพียง #บอนไซ #ไม้ประดับ #การรักษาโรค #พืชสมุนไพร #วัฒนธรรมไทย