ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรไทยที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากการระบาดของโรคติดต่อต่างๆ ที่ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพและสมุนไพรกันมากขึ้น การปลูกฟ้าทะลายโจรไม่เพียงแต่ให้ประโยชน์ทางสุขภาพ แต่ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่ต้องการผลิตสมุนไพรเพื่อขายได้อีกด้วย พืชชนิดนี้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Andrographis paniculata และมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละภาคของประเทศไทย เช่น หญ้ากันงู เมฆทะลายฟ้าสะท้าน สามสิบดี ฟ้าสาง หรือน้ำลายพังพอน

ฟ้าทะลายโจรมีลักษณะอย่างไรและเลือกสายพันธุ์แบบไหนดี?
ฟ้าทะลายโจรเป็นพืชล้มลุกที่มีความสูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร มีรสขมทุกส่วนของต้น กิ่งใบมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม ใบมีสีเขียวเข้มผิวมัน ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งและซอกใบ กลีบดอกสีขาว โคนกลีบติดกัน ปลายแยก 2 ปาก ปากบนมี 3 กลีบ และมีเส้นสีม่วง-แดงพาดอยู่ มีผลเป็นฝัก เมื่อแก่จะมีสีน้ำตาล ด้านในมีเมล็ดจำนวนมาก พืชชนิดนี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เมื่อต้นมีอายุประมาณ 3-5 เดือน โดยใช้ได้ทั้งต้น ใบสด และใบแห้ง
สายพันธุ์ฟ้าทะลายโจรที่นำมาปลูกมี 3 สายพันธุ์หลัก คือ สายพันธุ์จากกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ให้ค่าน้ำหนักสดเฉลี่ยต่อต้นสูงสุด สายพันธุ์จากระยอง และสายพันธุ์จากศรีสะเกษ จากการศึกษาวิจัยพบว่า สายพันธุ์พิจิตร 4-4 ให้ผลผลิตน้ำหนักสดเฉลี่ย 3,374 กิโลกรัมต่อไร่ และมีปริมาณสารสำคัญสูงเหนือมาตรฐานที่กำหนด ส่วนสายพันธุ์พิษณุโลก 5-4 เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็วที่สุดคือ 77 วัน และสายพันธุ์ราชบุรีให้ปริมาณแลคโตนรวมสูงสุด

เตรียมดินและสภาพแวดล้อมอย่างไรให้เหมาะกับการปลูกฟ้าทะลายโจร?
การเตรียมดินเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ดินที่เหมาะสมสำหรับการปลูกฟ้าทะลายโจรควรเป็นดินร่วนซุยที่สามารถระบายน้ำได้ดี ไม่ท่วมขัง หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่เป็นดินเหนียวหรือดินทราย ค่า pH หรือค่าความเป็นกรดด่างควรอยู่ประมาณ 5-5.8 และมีอินทรียวัตถุไม่น้อยกว่า 3.5% หากพื้นที่มีวัชพืชมากควรไถพรวนดินก่อน 2 รอบ แล้วตากดินให้แห้ง 2 สัปดาห์ จากนั้นค่อยใส่ปุ๋ยอินทรีย์รองพื้นก่อนทำแปลงและบำรุงดิน
สำหรับการทำแปลงปลูก ควรยกแปลงปลูกสูง 15-20 เซนติเมตร กว้าง 1 เมตร ยาว 3-5 เมตร หรือปรับขนาดตามสภาพพื้นที่ บำรุงด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ถ่านไบโอชาร์ และรดน้ำ ทิ้งไว้อย่างน้อย 30-45 วัน ก่อนปลูก สำหรับพื้นที่ที่เป็นที่ลุ่มและปลูกในฤดูฝน ควรทำการขุดยกร่องแปลงเพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง ยกแปลงสูง 25-30 เซนติเมตร กว้าง 1-2 เมตร และเว้นทางเดินระหว่างแปลง 0.5-1.0 เมตร

การดูแลรักษาและให้ปุ๋ยฟ้าทะลายโจรอย่างไรให้เจริญเติบโตดี?
การให้น้ำควรทำอย่างสม่ำเสมอและพอเพียง ตั้งแต่ปลูกจนถึงช่วงเก็บเกี่ยว ในช่วงที่มีแดดจัดหรือหน้าร้อนควรรดน้ำ 2 ครั้งต่อวัน ทั้งเช้าและเย็น หากมีแดดไม่จัดมาก รดน้ำวันละครั้งเฉพาะช่วงเย็นก็ได้ เมื่อต้นอายุประมาณ 2 เดือนสามารถลดการให้น้ำได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
การใส่ปุ๋ยแบ่งใส่เป็นระยะ อายุ 60 วัน ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ประมาณ 125 กรัมต่อต้น หรือ 300-400 กรัมต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร และเมื่ออายุ 90-110 วัน ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 300-500 กรัมต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร การหว่านปุ๋ยต้องกระจายให้สม่ำเสมอกัน หลังหว่านปุ๋ยแล้วต้องรดน้ำทันทีอย่าให้ปุ๋ยค้างที่ใบ จากการวิจัยพบว่า การใส่ปุ๋ยคอกมูลวัวอัตรา 2,000 กิโลกรัมต่อไร่โดยไม่ใส่ปุ๋ยเคมีก็เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของฟ้าทะลายโจร ให้ผลผลิตสูง แต่หากต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่า ควรใส่ปุ๋ยเคมีสัดส่วน 2-2-2 อัตรา 40 กิโลกรัมต่อไร่ต่อ 2 สัปดาห์ ร่วมกับปุ๋ยคอกมูลวัว
นอกจากนี้ควรหมั่นกำจัดวัชพืชทุกๆ ครึ่งเดือน และระวังหอยทากกับโรคต่างๆ เช่น โรคโคนเน่า-รากเน่าจากเชื้อรา หากพบให้ถอนทิ้งและทำลายทันที ระยะปลูกที่แนะนำคือ ระหว่างต้น 30 เซนติเมตร ระหว่างแถว 60 เซนติเมตร

การเก็บเกี่ยวและแปรรูปฟ้าทะลายโจรทำอย่างไรให้ได้คุณภาพ?
การเก็บเกี่ยวฟ้าทะลายโจรควรทำในช่วงเริ่มออกดอก-ดอกบาน เพราะเป็นช่วงที่มีสารสำคัญมากที่สุด หากเก็บหลังช่วงนี้สารสำคัญจะลดลง โดยตัดเหนือดินห่างจากโคนประมาณ 5-10 เซนติเมตร1 ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ เมื่อต้นอายุครบ 3-4 เดือน หรือดอกเริ่มออกประมาณ 25-30% ของต้น สำหรับต้นที่อายุประมาณ 110 วัน เริ่มเก็บกินได้ เนื่องจากสารแอนโดรกราโฟไลด์จะสูงสุดเมื่อดอกเริ่มออก5
หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว นำมาคัดแยกวัชพืชออก ล้างด้วยน้ำสะอาด ตัดเป็นท่อนประมาณ 2-3 เซนติเมตร แล้วผึ่งให้แห้งหรืออบด้วยเครื่องอบแห้งแบบลมร้อน ผลผลิตสดเฉลี่ย 2,000-3,000 กิโลกรัมต่อไร่ มีสัดส่วนผลผลิตสดต่อผลผลิตแห้งอัตรา 4:1 กิโลกรัม ส่วนราคาหลังแปรรูปอยู่ที่ประมาณ 200 บาทต่อกิโลกรัม
การตัดยอดอ่อน 1 ฝ่ามือแล้วเหลือตอไว้ รอประมาณ 1-3 เดือน ก็จะเริ่มออกดอกอีกครั้ง ทำให้ฟ้าทะลายโจร 1 ต้นสามารถเก็บมาทำยาได้ 2-4 ครั้ง ใบแห้งสามารถเก็บได้นาน 1 ปี สำหรับการใช้เพื่อการรักษา ใช้ใบฟ้าทะลายโจร 5-7 ใบ ใส่แก้ว เทน้ำร้อน แช่ไว้ 30 นาที ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร จนอาการดีขึ้น

สรรพคุณและข้อควรระวังในการใช้ฟ้าทะลายโจรมีอะไรบ้าง?
ฟ้าทะลายโจรมีสรรพคุณหลากหลาย ช่วยรักษาไข้หวัด ต้านไวรัส ระงับอาการอักเสบ แก้อาการติดเชื้อ ช่วยบรรเทาโรคท้องเสีย อาหารเป็นพิษ และเบาหวาน สารแอนโดรกราโฟไลด์ที่พบในฟ้าทะลายโจรสามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ได้ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุการเกิดโรคต่างๆ
อย่างไรก็ตาม มีข้อห้ามในการใช้ที่ต้องระวัง ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร ผู้แพ้ฟ้าทะลายโจร และผู้ใช้ยาวาร์ฟาริน ระวังการใช้ในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับและไตผิดปกติ ที่สำคัญใช้เมื่อมีอาการเท่านั้น จากการศึกษาพบว่าแม้ผลของการป้องกันและรักษาโควิด 19 ด้วยฟ้าทะลายโจรยังไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากเป็นโรคที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่และต้องรอการวิจัยผลในคนเพิ่มเติม
สรุป
การปลูกฟ้าทะลายโจรเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับเกษตรกรที่ต้องการหันมาปลูกพืชสมุนไพร เนื่องจากมีความต้องการในตลาดและสามารถสร้างรายได้ได้ดี การปลูกที่ถูกต้องเริ่มตั้งแต่การเตรียมดินที่ดี การเลือกเมล็ดพันธุ์คุณภาพ การดูแลรักษาอย่างเหมาะสม การป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช จนถึงการเก็บเกี่ยวในเวลาที่เหมาะสม ด้วยการปฏิบัติตามหลักการที่ถูกต้องและใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม ฟ้าทะลายโจรสามารถให้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณสารสำคัญสูงเป็นที่ยอมรับในตลาด
#สาระ #ฟ้าทะลายโจร #สมุนไพรไทย #การปลูกฟ้าทะลายโจร #สมุนไพรครอบครัว #เกษตรอินทรีย์ #พืชสมุนไพร #การดูแลสุขภาพ #สร้างรายได้จากสมุนไพร #ปลูกพืชเศรษฐกิจ #การเกษตรแบบยั่งยืน