มะขามเทศด่างกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนรักการจัดสวน หลังจากมีคนดังหลายคนโพสต์ภาพความงดงามของต้นไม้ชนิดนี้ในโซเชียลมีเดีย จนทำให้หลายคนสนใจและอยากปลูกตามกัน ด้วยความโดดเด่นของใบที่มีสีสันสวยงาม ทั้งสีชมพู ขาว และเขียว ที่เปลี่ยนไปตามอายุของใบ ทำให้ต้นไม้ชนิดนี้กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับคนที่มองหาไม้ประดับสวยๆ มาตกแต่งบ้านและสวน

ขอบคุณภาพจาก : kapook
มะขามเทศด่างมีลักษณะอย่างไรที่ทำให้โดดเด่นกว่าไม้ประดับทั่วไป?
มะขามเทศด่าง (Madras thorn Variegated หรือ Manila tamarind Variegated) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pithecellobium dulce (Roxb.) Benth. ‘variegata’ เป็นไม้ยืนต้นที่มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโกและอเมริกากลาง มีความสูงประมาณ 3 เมตร และมีอายุยืนได้ถึงประมาณ 30 ปี ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง เปลือกเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีหนามสั้นๆ และแตกกิ่งก้านค่อนข้างแน่น
จุดเด่นที่สุดของมะขามเทศด่างคือลักษณะใบที่มีความพิเศษ เป็นใบประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้ามกัน ใบย่อยจะแตกออกเป็น 2 แฉก มีรูปทรงเป็นรูปไข่หรือรูปรี ที่น่าสนใจคือสีของใบซึ่งเกิดจากการผสมผสานระหว่างสีขาว สีเขียว และสีชมพู โดยใบอ่อนจะมีสีชมพูหรือขาวสวยงาม แล้วจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว-เขียว และกลายเป็นสีเขียวทั้งใบเมื่อแก่
ด้านดอกของมะขามเทศด่างจะออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี ส่วนผลออกเป็นฝัก ซึ่งสามารถรับประทานได้ มีเนื้อนุ่ม มีเมล็ดสีดำ รสชาติมีทั้งฝาดและหวาน

ขอบคุณภาพจาก : Aom-nana-nana
เทคนิคการปลูกมะขามเทศด่างอย่างไรให้เจริญงอกงามและใบสวย?
การปลูกมะขามเทศด่างไม่ใช่เรื่องยาก แต่มีเทคนิคบางอย่างที่จะช่วยให้ต้นเจริญเติบโตได้ดีและมีสีสันสวยงามตามที่ต้องการ เริ่มจากการเลือกวิธีขยายพันธุ์ที่เหมาะสม ซึ่งนิยมทำกัน 2 วิธีคือ การปักชำและการตอนกิ่ง ไม่นิยมขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาไม่นาน
ดินที่เหมาะสมสำหรับปลูกมะขามเทศด่างควรเป็นดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี เพราะจะช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น และที่สำคัญควรปลูกลงดินจะดีกว่าปลูกในกระถาง เพราะรากจะได้แผ่ขยายและดูดซับสารอาหารได้มากกว่า
เรื่องแสงแดดถือเป็นปัจจัยสำคัญมากสำหรับมะขามเทศด่าง หากต้องการให้ใบมีสีขาวและชมพูสวยงามชัดเจน ควรปลูกในที่กลางแจ้งที่ได้รับแสงแดดเต็มวัน แม้ว่าจะสามารถปลูกในที่มีแสงรำไรได้ แต่อาจทำให้สีสันของใบไม่สดใสเท่าที่ควร
สำหรับการให้น้ำ ควรรดเพียงวันละครั้งหรือเมื่อดินแห้ง เนื่องจากมะขามเทศด่างเป็นไม้ที่ทนแล้งได้ดี การรดน้ำมากเกินไปอาจทำให้รากเน่าได้
การใส่ปุ๋ยก็มีความสำคัญ ควรใส่ปุ๋ยทุกเดือนเพื่อเป็นการบำรุงต้นและใบ สามารถใช้ได้ทั้งปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยเคมี แต่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป

ขอบคุณภาพจาก : kaset.today
การดูแลรักษามะขามเทศด่างอย่างถูกวิธีมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
การดูแลรักษามะขามเทศด่างให้สวยงามอยู่เสมอนั้น มีวิธีการดังนี้:
- การตัดแต่ง: ควรหมั่นตัดแต่งกิ่งอย่างน้อยปีละครั้ง การตัดแต่งบ่อยๆ จะช่วยให้ต้นแตกใบใหม่ที่มีสีสดใสสวยงาม ยิ่งตัดแต่งบ่อยยิ่งแตกใบใหม่เรื่อยๆ สามารถตัดแต่งให้เป็นทรงพุ่มหรือรูปทรงต่างๆ ได้ตามต้องการ แต่ไม่ควรตัดแต่งต่ำกว่า 0.50 เมตร
- การรดน้ำ: ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอวันละครั้ง หรือเมื่อดินแห้ง แต่ไม่ควรรดจนแฉะ เพราะอาจทำให้รากเน่าได้
- การให้ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยเคมีทุกเดือน เพื่อบำรุงต้นและใบให้สวยงาม
- การจัดการกับโรคและแมลง: แม้มะขามเทศด่างจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและแมลง แต่ควรหมั่นตรวจสอบและป้องกันไว้ก่อน โดยเฉพาะการเก็บกวาดเศษใบไม้ไม่ให้ทับถมกันจนเน่าเปื่อย เพื่อป้องกันปัญหาหนอน
- ตำแหน่งที่ปลูก: ควรปลูกให้ห่างจากตัวบ้านอย่างน้อย 4-5 เมตร เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากกิ่งหักโค่นลงมา
- การจัดการในช่วงผลัดใบ: เนื่องจากต้นมะขามเทศมีช่วงผลัดใบปีละครั้ง ซึ่งจะมีใบร่วงเยอะ จึงจำเป็นต้องเก็บกวาดพื้นบ่อยกว่าช่วงอื่นๆ

ขอบคุณภาพจาก : kapook
มะขามเทศด่างเหมาะกับการจัดวางในรูปแบบสวนแบบไหน?
มะขามเทศด่างเป็นไม้ที่มีความอเนกประสงค์สูง สามารถนำมาใช้ในการจัดสวนได้หลากหลายรูปแบบ:
- สวนสไตล์ญี่ปุ่น: ด้วยลักษณะใบที่ละเอียดและสีสันอ่อนหวาน ทำให้มะขามเทศด่างเหมาะกับการจัดวางในสวนสไตล์ญี่ปุ่น ให้ความรู้สึกละมุน นุ่มนวล และสงบ
- สวนหน้าบ้าน: สามารถปลูกเป็นไม้ประธานหรือไม้เด่นในสวนหน้าบ้าน เพื่อสร้างจุดสนใจด้วยสีสันที่แปลกตา
- สวนรูปแบบทรอปิคอล: ผสมผสานกับไม้ใบใหญ่หรือไม้ดอกอื่นๆ เพื่อสร้างสวนรูปแบบทรอปิคอลที่มีชีวิตชีวา
- รั้วธรรมชาติ: ด้วยลักษณะที่มีใบดกแน่นและมีหนาม จึงเหมาะกับการปลูกเป็นรั้วธรรมชาติที่ทั้งสวยงามและปลอดภัย สามารถตัดแต่งเป็นรั้วสูงประมาณ 1.5-2 เมตรได้
- สวนกรวดหรือสวนแห้ง: จัดวางร่วมกับหินและกรวด เพื่อสร้างสวนมินิมอลที่ดูสวยงามแม้จะมีพื้นที่จำกัด
ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 30-60 เซนติเมตร หรือประมาณ 12 ต้นต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน หากปลูกเป็นรั้วควรปลูกให้ถี่กว่าการปลูกเป็นไม้ประธาน

ขอบคุณภาพจาก : Fashion Island
ข้อควรระวังในการปลูกมะขามเทศด่างที่มือใหม่ควรรู้มีอะไรบ้าง?
แม้มะขามเทศด่างจะปลูกและดูแลง่าย แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่ผู้ปลูกควรทราบ:
- มีหนามแหลมใกล้ใบ: จึงไม่แนะนำให้ปลูกในบ้านที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง เพราะอาจเป็นอันตรายได้
- การผลัดใบ: ต้นมะขามเทศจะมีช่วงผลัดใบปีละครั้ง ซึ่งจะทำให้มีใบร่วงเยอะ ต้องเตรียมใจและเตรียมพร้อมในการเก็บกวาด
- อากาศหนาว: แม้จะทนแดดและทนแล้งได้ดี แต่มะขามเทศด่างไม่ทนต่ออากาศหนาวหรือลมเย็นมากนัก หากอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ควรมีการดูแลเป็นพิเศษ
- กิ่งหัก: เมื่อต้นโตขึ้น อาจมีปัญหากิ่งหัก โดยเฉพาะในช่วงฝนหรือลมแรง ควรปลูกให้ห่างจากตัวบ้านอย่างน้อย 4-5 เมตร
- โรคและแมลง: แม้จะไม่ค่อยเจอปัญหา แต่หนอนก็เป็นศัตรูที่ควรระวัง ควรหมั่นเก็บกวาดเศษใบไม้ไม่ให้ทับถมกันจนเน่าเปื่อย
- การเจริญเติบโตช้า: มะขามเทศด่างมีการเจริญเติบโตค่อนข้างช้า จึงต้องเลี้ยงดูบำรุงด้วยความใจเย็น และมีความสม่ำเสมอในการดูแล
สรุป
มะขามเทศด่างเป็นไม้ประดับที่มีความโดดเด่นด้วยสีสันของใบที่เปลี่ยนแปลงไปตามอายุ ทั้งสีชมพู ขาว และเขียว ทำให้สวนมีชีวิตชีวามากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นไม้ที่ปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก ทนต่อสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง เหมาะกับสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยอย่างยิ่ง
การปลูกมะขามเทศด่างให้ได้ผลดีนั้น ควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ทั้งเรื่องแสงแดด ดิน การรดน้ำ และพื้นที่ในการปลูก รวมถึงควรเตรียมพร้อมในการดูแลรักษา เช่น การตัดแต่งกิ่ง การเก็บกวาดใบที่ร่วง และการป้องกันแมลงศัตรูพืช
หากคุณกำลังมองหาต้นไม้ที่จะเพิ่มสีสันให้กับสวน มีความทนทานสูง ดูแลง่าย และมีความสวยงามแปลกตา มะขามเทศด่างเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าต่อการลงทุน สามารถปรับใช้ได้ทั้งในสวนขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เป็นได้ทั้งไม้ประธานหรือไม้เสริมในการจัดสวน และยังช่วยสร้างบรรยากาศร่มรื่นและสวยงามให้กับบ้านของคุณได้อีกด้วย
#สาระ #มะขามเทศด่าง #ไม้ใบด่าง #ต้นไม้จัดสวน #ไม้ประดับ #จัดสวนสวย #แต่งสวน #ต้นไม้ดูแลง่าย #การจัดสวน #ต้นไม้ทนแล้ง #สวนสวย