การมีบ้านสักหลังเป็นของตัวเองถือเป็นความฝันของคนจำนวนมาก แต่ในความเป็นจริง การจะได้บ้านมาครอบครองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อต้องพึ่งพาสินเชื่อจากธนาคาร หลายคนต้องพบกับความผิดหวังเมื่อการยื่นขอสินเชื่อไม่ผ่านการอนุมัติ บทความนี้จะอธิบายถึงสาเหตุหลักที่ทำให้ธนาคารปฏิเสธการให้สินเชื่อบ้าน พร้อมแนะนำวิธีการเตรียมตัวและเทคนิคสำคัญในการยื่นขอสินเชื่อให้ผ่านการพิจารณา

ทำไมธนาคารถึงไม่อนุมัติสินเชื่อบ้านให้คุณ?
การที่ธนาคารปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่อบ้านนั้นมีสาเหตุหลายประการ การเข้าใจถึงสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเตรียมตัวและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
ประวัติเครดิตมีปัญหาหรือคะแนนเครดิตต่ำเกินไป
ประวัติเครดิตเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ธนาคารนำมาพิจารณาเมื่อคุณยื่นขอสินเชื่อ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (National Credit Bureau) จะเก็บข้อมูลและประวัติการชำระสินเชื่อของคุณไว้ทั้งหมด หากคุณมีประวัติการชำระเงินล่าช้าเกิน 30 วัน มีการค้างชำระหนี้ หรือมีภาระหนี้เกินตัว ข้อมูลเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้และส่งผลต่อคะแนนเครดิตของคุณ
คะแนนเครดิต (Credit Scoring) เป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือทางการเงินของคุณ โดยมีการจัดระดับความเสี่ยงตั้งแต่ AA (ดีมาก) ถึง HH (แย่มาก) ซึ่งธนาคารจะใช้คะแนนนี้ประกอบการพิจารณาว่าคุณมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้มากน้อยเพียงใด หากคะแนนเครดิตของคุณไม่เพียงพอ โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อก็จะลดลงอย่างมาก
รายได้ไม่แน่นอนหรือไม่เพียงพอ
รายได้เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ธนาคารใช้พิจารณา โดยเฉพาะความสม่ำเสมอและความเพียงพอของรายได้ คนที่ประกอบอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์มักจะพบอุปสรรคในการขอสินเชื่อมากกว่าคนที่ทำงานประจำ เนื่องจากรายได้ไม่แน่นอนและยากต่อการพิสูจน์
นอกจากนี้ หากรายได้ของคุณเมื่อเทียบกับราคาบ้านที่ต้องการซื้อแล้วไม่เพียงพอ ธนาคารอาจปฏิเสธการให้สินเชื่อ โดยทั่วไปธนาคารมักกำหนดให้ค่าผ่อนชำระต่อเดือนไม่ควรเกิน 30-40% ของรายได้ต่อเดือน หากคุณขอวงเงินสูงเกินกว่าที่รายได้จะรองรับได้ ธนาคารก็จะไม่อนุมัติ
มีภาระหนี้สินมากเกินไป
หากคุณมีภาระหนี้สินอื่นๆ อยู่แล้ว เช่น ผ่อนรถยนต์ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ธนาคารจะนำภาระหนี้เหล่านี้มาคำนวณร่วมกับความสามารถในการผ่อนชำระของคุณ หากพบว่าภาระหนี้ทั้งหมดเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อก็จะน้อยลง เพราะธนาคารมองว่าคุณอาจไม่มีความสามารถเพียงพอในการรับภาระหนี้สินเพิ่มเติม
ขาดประวัติการชำระหนี้
ในทางกลับกัน การไม่เคยมีประวัติการชำระหนี้มาก่อนก็อาจเป็นอุปสรรคในการขอสินเชื่อได้เช่นกัน เพราะธนาคารไม่มีข้อมูลที่จะใช้ประเมินความสามารถและความรับผิดชอบในการชำระหนี้ของคุณ ทำให้ไม่สามารถประเมินความเสี่ยงได้ การไม่มีประวัติเครดิตเลยจึงอาจทำให้คุณถูกปฏิเสธการให้สินเชื่อได้
เอกสารไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง
การยื่นเอกสารไม่ครบถ้วนหรือมีข้อมูลไม่ถูกต้อง ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การขอสินเชื่อไม่ผ่าน ธนาคารต้องการเอกสารที่แสดงถึงความน่าเชื่อถือของคุณ ทั้งในแง่ของรายได้ ความมั่นคงในอาชีพการงาน และประวัติทางการเงิน หากคุณไม่สามารถแสดงเอกสารเหล่านี้ได้อย่างครบถ้วน โอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อก็จะลดลง

จะเตรียมตัวอย่างไรให้พร้อมก่อนยื่นขอสินเชื่อบ้าน?
การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนยื่นขอสินเชื่อเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติ มาดูกันว่ามีสิ่งใดบ้างที่คุณควรเตรียมการไว้ล่วงหน้า
คำนวณความสามารถในการกู้และผ่อนชำระ
ก่อนจะยื่นขอสินเชื่อ คุณควรคำนวณความสามารถในการกู้และผ่อนชำระของตัวเองให้ชัดเจนก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าวงเงินที่ขอกู้นั้นเหมาะสมกับรายได้และรายจ่ายของคุณ โดยทั่วไป ธนาคารมักจะให้วงเงินกู้ประมาณ 30-50 เท่าของรายได้ต่อเดือน และค่าผ่อนชำระไม่ควรเกิน 30-40% ของรายได้ต่อเดือน
กรณีที่ไม่มีหนี้สินอื่น คุณสามารถคำนวณได้โดย:
- วงเงินกู้สูงสุด = รายได้ต่อเดือน × จำนวนเท่าของรายได้ที่ธนาคารกำหนด
กรณีที่มีหนี้สินอื่นอยู่แล้ว:
- ความสามารถในการผ่อนบ้าน = (รายได้ต่อเดือน × 30% หรือ 40%) – ภาระหนี้สินที่มีอยู่ต่อเดือน
เตรียมเงินสำหรับดาวน์
แม้จะเป็นการกู้ซื้อบ้าน แต่คุณยังต้องมีเงินดาวน์สำหรับจ่ายเป็นส่วนหนึ่งของราคาบ้าน โดยทั่วไปเงินดาวน์จะอยู่ที่ประมาณ 5-20% ของราคาบ้าน การมีเงินดาวน์ที่มากขึ้นจะช่วยลดภาระในการผ่อนชำระและเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อ
ศึกษาเปรียบเทียบดอกเบี้ยและเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
แต่ละธนาคารมีนโยบายดอกเบี้ยและเงื่อนไขในการให้สินเชื่อที่แตกต่างกัน คุณควรศึกษาและเปรียบเทียบให้ละเอียดเพื่อเลือกธนาคารที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณมากที่สุด อย่าเพิ่งตัดสินใจจากอัตราดอกเบี้ยที่ดูน่าดึงดูดใจ เพราะอาจมีเงื่อนไขแฝงที่ทำให้คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นในระยะยาว
จัดเตรียมเอกสารให้พร้อมและครบถ้วน
เอกสารที่จำเป็นสำหรับการยื่นขอสินเชื่อบ้านโดยทั่วไปประกอบด้วย:
- บัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน
- หลักฐานแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองการทำงาน
- สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน
- หลักฐานการเสียภาษี เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
- เอกสารอื่นๆ ตามที่ธนาคารกำหนด
สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ อาจต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม เช่น หลักฐานการจดทะเบียนธุรกิจ งบการเงิน หรือหลักฐานแสดงรายได้อื่นๆ ที่น่าเชื่อถือ

เคล็ดลับยื่นขอสินเชื่อบ้านให้ผ่านฉลุย
การเตรียมตัวอย่างดีเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเคล็ดลับอีกหลายประการที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้การยื่นขอสินเชื่อของคุณผ่านการอนุมัติ
สร้างและรักษาประวัติเครดิตให้ดี
ประวัติเครดิตที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น คุณควรสร้างวินัยทางการเงินโดย:
- ชำระหนี้ตรงเวลาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หรือการผ่อนสินค้า
- ไม่ก่อหนี้มากเกินความสามารถในการชำระ
- หากเคยมีประวัติชำระหนี้ล่าช้า ควรจัดการแก้ไขให้เรียบร้อยและสร้างประวัติการชำระที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หากคุณยังไม่เคยมีประวัติเครดิตมาก่อน การเริ่มต้นใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัยก็เป็นวิธีหนึ่งในการสร้างประวัติเครดิตที่ดีได้
“เดินบัญชีให้สวย” ก่อนยื่นขอสินเชื่อ
ธนาคารมักจะขอดูสำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือนเพื่อประเมินพฤติกรรมทางการเงินของคุณ การมีบัญชีที่แสดงถึงวินัยทางการเงินที่ดีจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของคุณ ควรปฏิบัติดังนี้:
- มีรายได้เข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมอ
- มีเงินคงเหลือในบัญชีอย่างต่อเนื่อง ไม่มียอดเงินศูนย์หรือติดลบ
- มีรายรับมากกว่ารายจ่าย
- มีการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ
- มีรายจ่ายที่เป็นระบบ ไม่มีการถอนเงินในจำนวนมากบ่อยๆ โดยไม่มีเหตุผล
การเดินบัญชีให้สวยอย่างน้อย 6 เดือนก่อนยื่นขอสินเชื่อจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติอย่างมาก
ปลดภาระหนี้ให้มากที่สุดก่อนยื่นขอสินเชื่อ
การมีภาระหนี้น้อยลงจะช่วยเพิ่มความสามารถในการกู้ยืมของคุณ หากคุณมีหนี้สินอื่นๆ ที่กำลังผ่อนชำระอยู่ เช่น หนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หรือการผ่อนรถยนต์ ควรพยายามชำระให้หมดหรือลดให้เหลือน้อยที่สุดก่อนยื่นขอสินเชื่อบ้าน
บางครั้งการรอให้หนี้ลดลงก่อนแล้วค่อยยื่นขอสินเชื่อบ้านอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการรีบยื่นขอแล้วไม่ได้รับการอนุมัติ
ใช้หลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกันเพิ่มความมั่นใจ
หากคุณมีหลักทรัพย์อื่น เช่น ที่ดิน หรือบ้านอีกหลัง การนำมาใช้เป็นหลักประกันเพิ่มเติมจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับธนาคารและเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อ
นอกจากนี้ การมีผู้ค้ำประกันที่มีความน่าเชื่อถือทางการเงินสูงก็สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงถึงความรับผิดชอบที่จะมีต่อผู้ค้ำประกันด้วย

ทางแก้ไขเมื่อยื่นกู้บ้านไม่ผ่านในครั้งแรก
หากการยื่นขอสินเชื่อของคุณไม่ผ่านการอนุมัติในครั้งแรก ไม่ต้องกังวล ยังมีทางแก้ไขอีกหลายวิธี
ขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่สินเชื่อ
สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อสินเชื่อไม่ผ่านคือการขอคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่สินเชื่อว่าเหตุใดจึงไม่ได้รับการอนุมัติ เจ้าหน้าที่สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่คุณควรปรับปรุงเพื่อเพิ่มโอกาสในการยื่นขอสินเชื่อครั้งต่อไป
ปรับปรุงและแก้ไขจุดบกพร่อง
เมื่อทราบสาเหตุที่ทำให้ไม่ได้รับการอนุมัติแล้ว คุณควรดำเนินการแก้ไขจุดบกพร่องนั้นก่อนยื่นขอสินเชื่ออีกครั้ง เช่น:
- หากคะแนนเครดิตต่ำ ควรปรับปรุงประวัติการชำระหนี้ให้ดีขึ้น
- หากรายได้ไม่เพียงพอ อาจต้องลดวงเงินที่ขอกู้หรือหาผู้กู้ร่วม
- หากมีหนี้สินมากเกินไป ควรชำระหนี้ให้ลดลงก่อน
- หากเอกสารไม่ครบถ้วน ควรจัดเตรียมให้ครบถ้วนในครั้งต่อไป
ลองยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารอื่น
ธนาคารแต่ละแห่งมีเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อที่แตกต่างกัน การที่ธนาคารหนึ่งปฏิเสธไม่ได้หมายความว่าธนาคารอื่นจะปฏิเสธด้วย คุณควรศึกษาเกณฑ์การพิจารณาของธนาคารต่างๆ และเลือกยื่นขอกับธนาคารที่มีเกณฑ์เหมาะสมกับสถานะของคุณมากที่สุด
พิจารณาหาผู้กู้ร่วมหรือผู้ค้ำประกัน
การมีผู้กู้ร่วม เช่น คู่สมรส พ่อแม่ หรือญาติที่มีนามสกุลเดียวกัน จะช่วยเพิ่มรายได้รวมและเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อ นอกจากนี้ การมีผู้ค้ำประกันที่มีความน่าเชื่อถือทางการเงินสูงก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
สรุป
การยื่นขอสินเชื่อบ้านให้ผ่านการอนุมัติไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความพยายาม ปัจจัยสำคัญคือการเตรียมความพร้อมทางการเงิน การสร้างวินัยทางการเงิน และการวางแผนอย่างรอบคอบ เริ่มจากการเข้าใจเกณฑ์การพิจารณาของธนาคาร ตรวจสอบประวัติเครดิตของตนเอง เตรียมเงินดาวน์ให้พร้อม คำนวณความสามารถในการผ่อนชำระ และจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
นอกจากนี้ ยังควรสร้างประวัติเครดิตที่ดี เดินบัญชีให้สวย ปลดภาระหนี้ให้มากที่สุด และอาจใช้หลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกันเพิ่มความมั่นใจให้กับธนาคาร หากยื่นขอสินเชื่อไม่ผ่านในครั้งแรก ก็ไม่ควรท้อแท้ แต่ควรหาสาเหตุและแก้ไขให้ตรงจุด
ด้วยการเตรียมตัวอย่างดีและใช้เคล็ดลับต่างๆ ที่แนะนำไว้ในบทความนี้ คุณจะมีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อบ้านและก้าวไปสู่การมีบ้านในฝันได้ในที่สุด
#สาระ #การเงิน #สินเชื่อบ้าน #ยื่นกู้บ้าน #ธนาคารไม่อนุมัติสินเชื่อ #เทคนิคกู้บ้าน #เครดิตบูโร #วางแผนการเงิน #สินเชื่อที่อยู่อาศัย #ขอสินเชื่อให้ผ่าน