Kave Playground (copy)

สินทรัพย์คืออะไร? และทำไมต้องเข้าใจความแตกต่างจากทรัพย์สิน

ในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวนและเงินเฟ้อสูงขึ้นเรื่อยๆ การเข้าใจพื้นฐานด้านการเงินและการลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ประกอบการที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจ คำศัพท์หนึ่งที่มักพบเห็นบ่อยในการศึกษาด้านการเงินคือ “สินทรัพย์” ซึ่งหลายคนยังสับสนกับคำว่า “ทรัพย์สิน” บทความนี้จะอธิบายความหมาย ประเภท และความแตกต่างระหว่างสินทรัพย์และทรัพย์สิน เพื่อให้คุณสามารถบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สินทรัพย์คืออะไร และมีองค์ประกอบอะไรบ้าง?

สินทรัพย์ (Asset) คือทรัพยากรที่มีมูลค่าที่บุคคลหรือกิจการมีสิทธิในการครอบครองหรือควบคุม และคาดว่าจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคต สินทรัพย์เป็นผลจากเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ได้มาซึ่งสิทธิในการควบคุมทรัพยากรนั้น สินทรัพย์สามารถเป็นได้ทั้งสิ่งที่มีตัวตน เช่น บ้าน ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร รถยนต์ และสิ่งที่ไม่มีตัวตน เช่น สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์

การพิจารณาว่าสิ่งใดเป็นสินทรัพย์หรือไม่ จะต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการดังนี้

  1. อยู่ในความควบคุมของบุคคลหรือกิจการ – สามารถนำสินทรัพย์นั้นไปใช้ประโยชน์ได้ตามต้องการ เช่น เจ้าของอาคารพาณิชย์สามารถตัดสินใจใช้อาคารเพื่อทำการค้า ให้เช่า หรือขายทำกำไรได้ตามที่ต้องการ
  2. ก่อให้เกิดประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคต – มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่นอนว่าจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจในอนาคต เช่น เครื่องจักรที่สามารถนำไปใช้ผลิตสินค้าเพื่อขายได้ หรือลูกหนี้การค้าที่จะได้รับชำระเงินเมื่อครบกำหนด
  3. สามารถวัดมูลค่าต้นทุนได้อย่างน่าเชื่อถือ – สามารถประเมินและตรวจสอบมูลค่าได้อย่างชัดเจน เช่น ลูกหนี้การค้าที่มีใบแจ้งหนี้ระบุยอดเงินที่สามารถเรียกเก็บได้

ยกตัวอย่างเช่น การเช่าที่ดินเพื่อทำธุรกิจ แม้ว่าบุคคลหรือกิจการจะไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินผืนนั้น แต่สิทธิการเช่าก็ถือเป็นสินทรัพย์ได้ เพราะขณะที่ยังเป็นผู้เช่าอยู่ ที่ดินนั้นอยู่ในความควบคุมของกิจการ สามารถใช้ประโยชน์และสร้างรายได้ในอนาคตได้

ทำไมต้องรู้จักประเภทของสินทรัพย์? และแบ่งอย่างไร?

การเข้าใจประเภทของสินทรัพย์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบริหารธุรกิจและการวางแผนการเงิน เพราะสินทรัพย์แต่ละประเภทมีลักษณะ สภาพคล่อง และวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน สินทรัพย์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ สินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน

สินทรัพย์หมุนเวียน (Current Assets)
สินทรัพย์หมุนเวียนคือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือใช้หมดไปได้ภายในระยะเวลา 1 ปี ตัวอย่างของสินทรัพย์หมุนเวียนมีดังนี้

  1. เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด – เงินสดในมือ เงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์และกระแสรายวัน เช็คที่ถึงกำหนดชำระแล้ว
  2. เงินลงทุนชั่วคราว – เงินลงทุนที่ตั้งใจถือครองไม่เกิน 1 ปี เช่น หุ้นสามัญ หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล หรือทองคำ
  3. ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น – เงินที่ลูกค้าค้างชำระจากการซื้อสินค้าหรือบริการ โดยทั่วไปมีเครดิตเทอมไม่เกิน 3 เดือน
  4. สินค้าคงเหลือ – สินค้าหรือวัตถุดิบที่มีไว้เพื่อขายหรือใช้ในการผลิต รวมถึงสินค้าที่อยู่ระหว่างกระบวนการผลิต
  5. ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า – ค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปล่วงหน้าและจะได้รับประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ เช่น ค่าเบี้ยประกัน ค่าเช่าสำนักงาน
  6. รายได้ค้างรับ – รายได้ที่เกิดขึ้นแล้วแต่ยังไม่ได้รับชำระเงิน เช่น ดอกเบี้ยค้างรับ ค่าเช่าค้างรับ

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน (Non-current Assets)
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนคือสินทรัพย์ที่มีอายุการใช้งานยาวนานและมีการครอบครองเพื่อใช้ประโยชน์ในระยะยาว โดยทั่วไปมากกว่า 1 ปี ตัวอย่างเช่น

  1. ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ – สินทรัพย์ถาวรที่มีตัวตน ใช้ในการดำเนินธุรกิจเป็นระยะเวลานาน โดยที่ดินไม่มีการคิดค่าเสื่อมราคา ส่วนอาคารมักมีอายุการใช้งาน 20-40 ปี
  2. เงินลงทุนระยะยาว – การลงทุนที่มีวัตถุประสงค์ถือครองนานกว่า 1 ปี เช่น การลงทุนในหุ้นระยะยาว พันธบัตรรัฐบาลระยะยาว
  3. สินทรัพย์ไม่มีตัวตน – สินทรัพย์ที่ไม่มีรูปร่างทางกายภาพ เช่น ค่าความนิยม เครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์

การบริหารจัดการสินทรัพย์ทั้งสองประเภทนี้ให้เหมาะสมจะช่วยให้กิจการมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการดำเนินงานประจำวัน และมีความสามารถในการเติบโตในระยะยาว

สินทรัพย์หมุนเวียนมีความสำคัญอย่างไรต่อสภาพคล่องของธุรกิจ?

สินทรัพย์หมุนเวียนมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อสภาพคล่องและความอยู่รอดของธุรกิจ เนื่องจากเป็นทรัพยากรที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็วเพื่อใช้ในการดำเนินงานประจำวัน ธุรกิจที่มีสินทรัพย์หมุนเวียนเพียงพอจะสามารถชำระหนี้ระยะสั้นได้ตรงเวลา รองรับค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ และฉวยโอกาสทางธุรกิจได้อย่างทันท่วงที

สินทรัพย์หมุนเวียนแต่ละประเภทมีระดับสภาพคล่องแตกต่างกัน โดยเงินสดมีสภาพคล่องสูงที่สุด ตามด้วยรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราว ในขณะที่ลูกหนี้การค้าและสินค้าคงเหลือมีสภาพคล่องต่ำกว่า เพราะต้องผ่านกระบวนการเก็บเงินหรือขายก่อนจึงจะเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

การบริหารสินทรัพย์หมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ธุรกิจสามารถ:

  1. รักษาสภาพคล่องทางการเงิน – มีเงินสดเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายประจำวันและภาระผูกพันระยะสั้น
  2. ลดต้นทุนทางการเงิน – ไม่ต้องกู้ยืมเงินระยะสั้นที่มีดอกเบี้ยสูงเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง
  3. เพิ่มความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ – สามารถชำระหนี้ได้ตรงเวลา ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากซัพพลายเออร์และสถาบันการเงิน
  4. รองรับโอกาสทางธุรกิจ – มีเงินทุนพร้อมสำหรับการลงทุนในโอกาสทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

อย่างไรก็ตาม การถือครองสินทรัพย์หมุนเวียนมากเกินไป โดยเฉพาะเงินสด อาจทำให้เสียโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าจากการลงทุนในสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ดังนั้น ธุรกิจจึงควรหาจุดสมดุลที่เหมาะสมระหว่างสภาพคล่องและผลตอบแทนจากการลงทุน

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนช่วยสร้างการเติบโตระยะยาวได้อย่างไร?

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในระยะยาว แม้จะมีสภาพคล่องต่ำกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน แต่สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่องตลอดอายุการใช้งาน

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนช่วยสร้างการเติบโตระยะยาวได้ดังนี้:

  1. เพิ่มประสิทธิภาพและกำลังการผลิต – การลงทุนในที่ดิน อาคาร และเครื่องจักรที่ทันสมัยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ
  2. สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน – การมีสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่มีคุณค่า เช่น เครื่องหมายการค้าที่แข็งแกร่ง สิทธิบัตร หรือเทคโนโลยีเฉพาะทาง ช่วยสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบในการแข่งขัน
  3. สร้างแหล่งรายได้เพิ่มเติม – สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนบางประเภท เช่น อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน หรือเงินลงทุนระยะยาว สามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากธุรกิจหลัก
  4. เพิ่มมูลค่าของกิจการ – การมีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่มีคุณภาพและมูลค่าสูงช่วยเพิ่มมูลค่าโดยรวมของกิจการ ทำให้ได้เปรียบในการระดมทุนหรือการขยายกิจการ

ตัวอย่างเช่น บริษัทที่ลงทุนในเครื่องจักรอัตโนมัติที่ทันสมัยอาจต้องใช้เงินลงทุนสูงในระยะแรก แต่จะช่วยลดต้นทุนแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และปรับปรุงคุณภาพสินค้าในระยะยาว ส่งผลให้มีความสามารถในการแข่งขันและทำกำไรได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากใช้เงินลงทุนสูง และอาจเกิดความเสี่ยงหากทิศทางธุรกิจหรือเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจจึงควรวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการลงทุน คำนวณระยะเวลาคืนทุน และพิจารณาแนวโน้มอุตสาหกรรมในอนาคตก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน

สินทรัพย์กับทรัพย์สินต่างกันอย่างไร? ทำไมต้องแยกให้ออก?

หลายคนมักสับสนและใช้คำว่า “สินทรัพย์” และ “ทรัพย์สิน” สลับกันไปมา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองคำนี้มีความแตกต่างที่สำคัญ โดยเฉพาะในบริบทของการบัญชี การเงิน และกฎหมาย

ทรัพย์สิน (Property) เป็นคำที่ใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันและในวงการกฎหมาย หมายถึง สิ่งของมีค่าต่างๆ ที่บุคคลหรือกิจการเป็นเจ้าของและมีกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ ไม่ว่าจะมีรูปร่างหรือไม่ก็ตาม ทรัพย์สินสามารถแบ่งได้เป็นทรัพย์สินมีตัวตน (เช่น บ้าน รถยนต์) ทรัพย์สินทางการเงิน (เช่น เงินสด หุ้น) และทรัพย์สินไม่มีตัวตน (เช่น ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า)

สินทรัพย์ (Asset) เป็นคำที่ใช้ในวงการบัญชีและการเงิน หมายถึง ทรัพยากรที่มีมูลค่าที่บุคคลหรือกิจการมีสิทธิควบคุมและคาดว่าจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคต สินทรัพย์มีความหมายกว้างกว่าทรัพย์สิน เพราะรวมถึงสิทธิและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับในอนาคตด้วย

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสินทรัพย์และทรัพย์สินมีดังนี้:

  1. ขอบเขตความหมาย – สินทรัพย์มีความหมายกว้างกว่าทรัพย์สิน เพราะครอบคลุมถึงสิทธิและประโยชน์ในอนาคต ไม่เพียงแค่สิ่งที่เป็นเจ้าของในปัจจุบัน
  2. กรรมสิทธิ์ vs. สิทธิควบคุม – ทรัพย์สินเน้นที่กรรมสิทธิ์หรือความเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ ขณะที่สินทรัพย์เน้นที่สิทธิในการควบคุมและใช้ประโยชน์ แม้จะไม่ได้เป็นเจ้าของก็ตาม
  3. การใช้ในบริบทต่างกัน – ทรัพย์สินมักใช้ในบริบทกฎหมายและชีวิตประจำวัน ส่วนสินทรัพย์ใช้ในบริบทบัญชีและการเงิน

ตัวอย่างที่ชัดเจนของความแตกต่าง:

  • กรณีซื้อรถยนต์แบบผ่อนชำระ: ในทางกฎหมาย รถยนต์ยังไม่ถือเป็นทรัพย์สินของผู้ซื้อจนกว่าจะผ่อนชำระครบและมีการโอนกรรมสิทธิ์ แต่ในทางบัญชี รถยนต์นั้นถือเป็นสินทรัพย์ทันทีที่เริ่มใช้งาน เพราะผู้ซื้อมีสิทธิควบคุมและได้รับประโยชน์จากรถคันนั้น
  • กรณีเช่าอาคารระยะยาว: แม้ผู้เช่าไม่ได้เป็นเจ้าของอาคาร แต่สิทธิการเช่าถือเป็นสินทรัพย์ของผู้เช่า เพราะสามารถควบคุมและใช้ประโยชน์จากอาคารได้ในช่วงเวลาของสัญญาเช่า

การแยกความแตกต่างระหว่างสินทรัพย์และทรัพย์สินมีความสำคัญในการวางแผนภาษี การทำบัญชี และการวางแผนทางการเงิน การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้คุณสามารถจัดการทรัพยากรทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และหลีกเลี่ยงความสับสนในการบริหารธุรกิจและการลงทุน

สรุป

ความเข้าใจเรื่องสินทรัพย์เป็นพื้นฐานสำคัญของการบริหารการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในระดับบุคคลและธุรกิจ การรู้จักความหมาย องค์ประกอบ และประเภทของสินทรัพย์ รวมถึงการแยกแยะความแตกต่างระหว่างสินทรัพย์และทรัพย์สินจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนและตัดสินใจทางการเงินได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น

สินทรัพย์คือทรัพยากรที่มีมูลค่าที่บุคคลหรือกิจการมีสิทธิควบคุมและคาดว่าจะได้รับประโยชน์ในอนาคต โดยแบ่งเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนที่มีสภาพคล่องสูงและใช้ในระยะสั้น กับสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ใช้ประโยชน์ในระยะยาว การบริหารสินทรัพย์ทั้งสองประเภทอย่างสมดุลจะช่วยให้มีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการดำเนินงานประจำวัน และมีความสามารถในการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

แม้ว่าสินทรัพย์และทรัพย์สินจะมีความหมายคล้ายกัน แต่สินทรัพย์มีความหมายที่กว้างกว่า เพราะครอบคลุมถึงสิทธิและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต ไม่เพียงแค่สิ่งที่เป็นเจ้าของในปัจจุบัน การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยในการจัดทำบัญชี วางแผนภาษี และบริหารการเงินได้อย่างถูกต้อง

ในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวนและเงินเฟ้อสูง การบริหารสินทรัพย์ให้เพิ่มมูลค่าและรักษาอำนาจซื้อไว้เป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ผู้ที่เข้าใจหลักการพื้นฐานเกี่ยวกับสินทรัพย์จะมีความได้เปรียบในการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินและสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ประกอบการ การพัฒนาความรู้ความเข้าใจเรื่องสินทรัพย์จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความมั่นคงและความมั่งคั่งทางการเงินในระยะยาว


#สาระ #การเงิน #สินทรัพย์ #ทรัพย์สิน #การเงิน #การลงทุน #สินทรัพย์หมุนเวียน #สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน #การบัญชี #วางแผนการเงิน #ธุรกิจ

อ่านเพิ่ม

หมายเหตุ ข้อจำกัดความรับผิดชอบ : บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลทั่วไปสำหรับเว็บไซต์ Homeday โดย บริษัท โฮมเดย์ กรุ๊ป จำกัด เท่านั้น บริษัทไม่สามารถให้คำมั่นหรือคำรับประกันเกี่ยวกับเนื้อหา รวมถึงไม่สามารถรับรองความเหมาะสมต่อวัตถุประสงค์เฉพาะใดๆ ตามขอบเขตของกฎหมาย เราจะพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลที่ปรากฏในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วนสมบูรณ์ ณ เวลาที่จัดทำ ข้อมูลดังกล่าวไม่ควรนำไปใช้ในการพิจารณาตัดสินใจด้านการเงิน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือประเด็นกฎหมายโดยทันที ผู้อ่านไม่ควรอาศัยข้อมูลในบทความนี้แทนคำแนะนำจากผู้ชำนาญการที่ได้รับการฝึกฝนซึ่งสามารถวิเคราะห์ข้อเท็จจริงและสภาวะเฉพาะของท่านได้ ทั้งนี้ ทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ หากท่านเลือกที่จะนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจของท่าน

The Palm (copy)
Sidebar
บทความล่าสุด
แอสเซทไวส์ จับมือ เปี่ยมสุข ร่วมถ่ายทอดมนต์เสน่ห์คอนเสิร์ต “ปฐมบท” มอบความสุข ผ่านบทเพลงอมตะเหนือกาลเวลา พร้อมแบ่งปันรายได้สู่มูลนิธิโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
ข่าวสาร
ไทยกรุ๊ปฯ เปิดตัวหลักสูตรระดับผู้นำ Legacy to Legend (L2L) ปั้นผู้นำรุ่นใหม่ให้พร้อมรับความท้าทายในอนาคต
ข่าวสาร
60 ปี สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯเดินหน้าขับเคลื่อนสังคมสุขภาพดี จัดงานวันเบาหวานโลก2568 รณรงค์สุขภาพดี เริ่มที่ทำงาน
ข่าวสาร
ORI โชว์ฟอร์ม รายได้รวม 9 เดือน ปี 2568 กว่า 7,400 ล้านบาท ดัน Backlog รวมแกร่งกว่า 41,000 ล้านบาท สร้างรายได้ต่อเนื่อง 4 ปี Q4/68 จ่อโอนเพิ่มอีก 6 โครงการ ตุน Backlog แล้วกว่า 72% ของมูลค่าโครงการ
ข่าวสาร
เซ็นทรัลพัฒนา ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ ประเทศไทย เนรมิต “The Magical Stars” อาณาจักรดิสนีย์ที่เซ็นทรัลทั่วประเทศ ปลุกสีสันเทศกาลความสุขระดับโลก หนุน Festival Economy ดันเศรษฐกิจ–ท่องเที่ยวไทยคึกคัก
ข่าวสาร
รีวิวโครงการ
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ กรุงเทพกรีฑา (The Signature Krungthepkreetha) เปิดตัวบ้านรุ่นใหม่ New Kaiteki Series เพดานสูง 3.2 เมตร ทำเลบ้านหรูใกล้โรงเรียนนานาชาติ Brighton College และ Wellington College
Review
รีวิว ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว (Life Phahon-Ladprao) คอนโดใหม่ แต่งครบ พร้อมอยู่ ยูนิตน้อย ทำเล North CBD ห้าแยกลาดพร้าว ตรงข้าม The Central พหลโยธิน
Review
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ สุขุมวิท 77 (The Signature Sukhumvit 77) บ้านหรูระดับ Super Luxury บททำเลอ่อนนุช-ลาดกระบัง
Review
รีวิว เคฟ เพลย์กราวด์ ลาดพร้าว-บดินทรเดชา (Kave Playground Ladprao-Bodindecha) คอนโดใหม่ Fully Furnished ติดบดินทรเดชาฯ ส่วนกลางจัดเต็ม 60 รายการ และโซน Pet-Friendly แยกตึก
Review
รีวิว ศุภาลัย เลค วิลล์ จันทบุรี (Supalai Lake Ville Chanthaburi) บ้านหรูสไตล์ Tropical Modern ใจกลางธรรมชาติริมทะเลสาบกว่า 10 ไร่ พร้อมฟังก์ชันครบครัน รองรับชีวิตระดับพรีเมียมในทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของจันทบุรี
Review
Loading..