“บมจ.สโตนวัน หรือ STX” ขยายอาณาจักรเหมืองหิน เดินหน้าซื้อเหมืองใหม่ที่ จ.เพชรบุรี เพิ่มปริมาณสำรองหินอุตสาหกรรม รองรับดีมานด์ก่อสร้างจากเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ-โครงการ EEC ที่ขยายตัวในอัตราเร่ง ดันศักยภาพเติบโตระยะยาว จากปี 67 ประกาศผลงานทุบสถิติรายได้-กำไรในรอบ 5 ปี โดยกำไรสุทธิอยู่ที่เกือบ 52 ล้านบาท โตแรง 36% รายได้รวมเกือบ 457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% ด้าน ESG โดดเด่น ปลื้มคว้ารางวัล Green Mining Award ตอกย้ำผู้นำมาตรฐานเหมืองสีเขียว พร้อมแจกปันผล 0.10 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 14 มี.ค. 68

นายทรงวุธ เวชชานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนวัน จำกัด (มหาชน) หรือ STX ผู้นำในอุตสาหกรรมเหมืองหินและแร่ เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัททำสถิติรายได้และกำไรสูงสุดในรอบ 5 ปี นับจากปี 2563 ด้วยความเชี่ยวชาญด้านหินอุตสาหกรรมและแร่โดโลไมต์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ทำให้ STX อยู่ในจังหวะเติบโต ด้วยศักยภาพธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีแผนขยายเหมืองใหม่ รองรับดีมานด์จากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐ มอเตอร์เวย์, รถไฟฟ้า และนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงการก่อสร้างภาคเอกชนที่โตรองรับการขยายเมือง
ปัจจุบัน STX อยู่ระหว่างการเข้าซื้อเหมืองใหม่ที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี เป็นเหมืองหินปูนที่ได้รับอนุญาตประทานบัตร เป็นอายุประทานบัตร 29 ปี ด้วยปริมาณสำรองหินปูนตามประทานบัตร 25 ล้านตัน จะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองหินอุตสาหกรรม และทำให้บริษัทสามารถรองรับคำสั่งซื้อในอนาคตได้มากขึ้น โดยจะนำเสนอแผนการลงทุนของเหมืองใหม่เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนปีนี้ สนับสนุนโอกาสการเติบโตในระยะยาว
“ธุรกิจเหมืองหินและแร่ เป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมทั้งการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ทำได้ยาก เพราะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และใช้เงินลงทุนสูง จึงเป็นโอกาสของ STX ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เนื่องจาก ธุรกิจเหมืองของบริษัทอยู่ใกล้แหล่งก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ สร้างความได้เปรียบแก่บริษัท เนื่องจากต้นทุนการขนส่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขัน” นายทรงวุธ กล่าว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ มีกําไรสุทธิ 51.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.72 ล้านบาท หรือเติบโต 36.1% มีรายได้รวม 456.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.31 ล้านบาท หรือ 23% จากปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์หินแกรนิตจากเหมืองหนองข่าที่เพิ่มขึ้นถึง 89.63 ล้านบาท จากภาวะอุตสาหกรรมก่อสร้างในแถบภาคตะวันออกมีการเร่งเดินหน้าในโครงการขนาดใหญ่ และปริมาณหินก่อสร้างขนาด 20 มม. มีความต้องการสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาของหินแกรนิตปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์แร่โดโลไมต์ มียอดขายเพิ่มขึ้น 30.52 ล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัว จากอุตสาหกรรมเหล็กและกระจกที่เติบโต ในส่วนของผลิตภัณฑ์หินปูนมียอดขายลดลง 28.95 ล้านบาท จากการชะลอตัวของภาคการก่อสร้างโดยรวมในพื้นที่แถบจ.ราชบุรี ทำให้ความต้องการหินก่อสร้างลดลงและการแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้นจากเหมืองใกล้เคียง ส่งผลให้ภาพรวมในปี 2567 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากหินแกรนิต หินปูน และแร่โดโลไมต์ อยู่ที่ 48%, 37% และ 15% ของรายได้ตามลำดับ
“ในปี 2567 ถือเป็นอีกปีแห่งการเติบโตครั้งใหญ่ของเรา ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการ EEC ที่กลับมาเร่งพัฒนา รวมถึงการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจหลายด้าน เช่น การขยายสินค้าใหม่กลุ่มผลิตภัณฑ์โดโลไมต์ การปรับโครงสร้างโลจิสติกส์ การขยายฐานลูกค้าและกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจแทนการพึ่งพาอุตสาหกรรมก่อสร้างเพียงอย่างเดียว และการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อระดมทุนขยายกิจการ และการเข้าซื้อเหมืองหินแหล่งใหม่เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองหินอุตสาหกรรม ส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทมีการเติบโตที่ยั่งยืนมากขึ้น” นายทรงวุธ กล่าว
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเดินหน้า ESG ควบคู่กับการขยายตัวทางธุรกิจ กลุ่มบริษัทได้รับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 3 ระบบสีเขียว (Green System) ในปี 2567 กลุ่มบริษัทได้รับรางวัลรักษามาตรฐานเหมืองแร่สีเขียว (Green Mining Award) ประเภทเหมืองแร่และโรงโม่หิน รวมถึงสถานประกอบการตามมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR-DPIM) จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ โดยได้รับทั้ง บริษัท สโตนวัน จำกัด (มหาชน) และบริษัท ราชบุรี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (บริษัทย่อย) รางวัลเหล่านี้นับเป็นความภาคภูมิใจของกลุ่มบริษัท และเป็นแรงผลักดันให้พัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการเติบอย่างยั่งยืนในระยะยาว
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดสำหรับผลประกอบการปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.155 บาท โดยบริษัทได้จ่ายปันผลระหว่างกาลในปี 2567 ให้แก่ผู้ถือหุ้นไปในอัตราหุ้นละ 0.055 บาท เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 คงเหลือจ่ายปันผลสำหรับงวดนี้ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 14 มีนาคมนี้ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 17 มีนาคม และจ่ายเงินปันผลวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ซึ่งนับเป็นการจ่ายปันผลทันทีหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai
ทั้งนี้ STX เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง และแร่โดโลไมต์ รวมทั้ง ให้บริการด้านขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าที่ไซต์งานอย่างครบวงจร ปัจจุบัน บริษัทและบริษัทย่อย มีเหมืองหิน 2 แห่ง ประกอบด้วย เหมืองหนองข่า (ผลิตและจำหน่ายหินแกรนิต) ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และเหมืองจอมบึง (ผลิตและจำหน่ายหินปูนและแร่โดโลไมต์) ตั้งอยู่ที่ อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี โดยเหมือนหินทั้ง 2 ที่ของบริษัท ระยะทางห่างกันเกินกว่า 150 กิโลเมตร ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางด้านการขายของบริษัท โดยเหมืองหินแกรนิตซึ่งตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันออกของประเทศ จะสามารถจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าแถบจังหวัดชลบุรี ซึ่งรวมถึงพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC และพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียง ในส่วนของเหมืองหินจอมบึงซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศ ถือได้ว่าเป็นเหมืองหินขนาดใหญ่ในพื้นที่ สามารถจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าแถบจังหวัดราชบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง รองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง