Kave Playground (copy)

วิธีเช็คอุณหภูมิร่างกายสัตว์เลี้ยงที่บ้านทำอย่างไร?

การดูแลสัตว์เลี้ยงให้มีสุขภาพที่ดีนั้นเป็นหน้าที่สำคัญของเจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคน และหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถเฝ้าระวังสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้ก็คือการเช็คอุณหภูมิร่างกาย เพราะอุณหภูมิร่างกายที่ผิดปกติอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ บทความนี้จะแนะนำวิธีการเช็คอุณหภูมิร่างกายของสัตว์เลี้ยงที่บ้านอย่างถูกต้องและปลอดภัย เพื่อให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถดูแลสัตว์เลี้ยงของตนได้อย่างมั่นใจ

ทำไมต้องรู้จักเช็คอุณหภูมิร่างกายสัตว์เลี้ยง?

อุณหภูมิร่างกายเป็นหนึ่งในสัญญาณชีพที่สำคัญที่สามารถบ่งบอกถึงสภาวะสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้ โดยสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิดจะมีช่วงอุณหภูมิปกติที่แตกต่างกัน การที่สัตว์เลี้ยงมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติ (ไข้) หรือต่ำกว่าปกติ (ภาวะอุณหภูมิกายต่ำ) อาจเป็นสัญญาณว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกาย

สาเหตุของไข้ในสัตว์เลี้ยงอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา โรคอักเสบ โรคภูมิแพ้ ความเครียด หรือแม้กระทั่งโรคมะเร็ง ส่วนภาวะอุณหภูมิกายต่ำอาจเกิดจากการอยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานาน ภาวะช็อก การเสียเลือดมาก หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อ

การรู้จักวิธีเช็คอุณหภูมิร่างกายของสัตว์เลี้ยงที่ถูกต้องจะช่วยให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถสังเกตความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะนำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉินที่ต้องการการดูแลทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน

อุณหภูมิปกติของสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิด

ก่อนที่จะเริ่มเช็คอุณหภูมิร่างกายของสัตว์เลี้ยง สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าอุณหภูมิปกติของสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิดอยู่ในช่วงใด เพื่อที่จะสามารถแยกแยะได้ว่าอุณหภูมิที่วัดได้นั้นผิดปกติหรือไม่

สุนัข

อุณหภูมิปกติของสุนัขจะอยู่ในช่วง 38.3-39.2 องศาเซลเซียส (101-102.5 องศาฟาเรนไฮต์) ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิปกติของมนุษย์ที่อยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส (98.6 องศาฟาเรนไฮต์) โดยสุนัขพันธุ์เล็กมักจะมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่เล็กน้อย และลูกสุนัขมักจะมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าสุนัขโตเต็มวัย

อุณหภูมิที่สูงกว่า 39.5 องศาเซลเซียส (103 องศาฟาเรนไฮต์) ถือว่าเป็นไข้ในสุนัข และหากสูงถึง 41 องศาเซลเซียส (106 องศาฟาเรนไฮต์) ขึ้นไปถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันที ส่วนอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 37.8 องศาเซลเซียส (100 องศาฟาเรนไฮต์) อาจบ่งชี้ถึงภาวะอุณหภูมิกายต่ำซึ่งเป็นอันตรายได้เช่นกัน

แมว

แมวมีอุณหภูมิร่างกายปกติอยู่ในช่วง 38.1-39.2 องศาเซลเซียส (100.5-102.5 องศาฟาเรนไฮต์) ซึ่งใกล้เคียงกับสุนัข แมวที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 39.5 องศาเซลเซียส (103 องศาฟาเรนไฮต์) ถือว่ามีไข้ และหากสูงกว่า 41 องศาเซลเซียส (106 องศาฟาเรนไฮต์) ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน

เช่นเดียวกับสุนัข แมวอาจมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกายเล็กน้อยขึ้นอยู่กับเวลาของวัน ระดับกิจกรรม และการเผาผลาญอาหาร ดังนั้นการวัดอุณหภูมิในช่วงเวลาเดียวกันทุกวันจะช่วยให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้น

กระต่าย

กระต่ายมีอุณหภูมิร่างกายปกติอยู่ในช่วง 38.5-40 องศาเซลเซียส (101.3-104 องศาฟาเรนไฮต์) ซึ่งสูงกว่าสุนัขและแมวเล็กน้อย กระต่ายมีระบบควบคุมอุณหภูมิร่างกายที่ไวต่อความเครียดมาก จึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ง่ายเมื่อรู้สึกกลัวหรือตื่นเต้น

อุณหภูมิที่สูงกว่า 40.5 องศาเซลเซียส (105 องศาฟาเรนไฮต์) หรือต่ำกว่า 38 องศาเซลเซียส (100.4 องศาฟาเรนไฮต์) ในกระต่ายถือว่าผิดปกติและควรได้รับการตรวจเพิ่มเติมจากสัตวแพทย์

นก

นกมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมาก โดยอุณหภูมิปกติของนกส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 40-42 องศาเซลเซียส (104-107.6 องศาฟาเรนไฮต์) ขึ้นอยู่กับชนิดของนก การวัดอุณหภูมิในนกทำได้ยากกว่าสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น และควรทำโดยสัตวแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

สัตว์ฟันแทะขนาดเล็ก (หนูแฮมสเตอร์ หนูแกสบี้ หนูตะเภา)

สัตว์ฟันแทะขนาดเล็กมีอุณหภูมิร่างกายปกติอยู่ในช่วง 36.1-38.9 องศาเซลเซียส (97-102 องศาฟาเรนไฮต์) ขึ้นอยู่กับชนิดของสัตว์ การวัดอุณหภูมิในสัตว์เหล่านี้ควรทำด้วยความระมัดระวังเนื่องจากมีขนาดตัวเล็กและเปราะบาง ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเรียนรู้วิธีที่ถูกต้อง

อุปกรณ์สำหรับวัดอุณหภูมิสัตว์เลี้ยง

ในการวัดอุณหภูมิร่างกายของสัตว์เลี้ยง มีอุปกรณ์หลายชนิดที่สามารถนำมาใช้ได้ แต่ละชนิดมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนี้

เทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัลทางทวารหนัก (Digital Rectal Thermometer)

เทอร์โมมิเตอร์ชนิดนี้ถือเป็นวิธีมาตรฐานในการวัดอุณหภูมิร่างกายของสัตว์เลี้ยงและให้ผลที่แม่นยำที่สุด มีลักษณะเป็นแท่งยาวปลายแหลม มีหน้าจอดิจิทัลสำหรับแสดงค่าอุณหภูมิ

ข้อดี:

  • ให้ค่าที่แม่นยำสูง
  • ราคาไม่แพง
  • ใช้งานง่าย

ข้อจำกัด:

  • อาจทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดความเครียดหรือไม่สบายตัว
  • ต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อหลังใช้งานทุกครั้ง
  • ต้องใช้เทคนิคที่ถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ

ควรเลือกเทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัลที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง เพราะจะมีปลายที่มนกว่าและมีขนาดที่เหมาะสม

เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรด (Infrared Thermometer)

เทอร์โมมิเตอร์ชนิดนี้วัดอุณหภูมิโดยไม่ต้องสัมผัสตัวสัตว์เลี้ยง ใช้วัดที่ช่องหู รักแร้ หรือบริเวณที่มีขนบาง

ข้อดี:

  • ไม่ก่อให้เกิดความเครียดแก่สัตว์เลี้ยง
  • ใช้งานสะดวกและรวดเร็ว
  • ไม่ต้องทำความสะอาดเนื่องจากไม่ได้สัมผัสกับตัวสัตว์โดยตรง

ข้อจำกัด:

  • ให้ค่าที่อาจคลาดเคลื่อนมากกว่าเทอร์โมมิเตอร์ทางทวารหนัก
  • ราคาสูงกว่า
  • อาจวัดได้ยากในสัตว์ที่มีขนหนา

เทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัลแบบยืดหยุ่น (Flexible Digital Thermometer)

เป็นเทอร์โมมิเตอร์ที่มีปลายยืดหยุ่น ออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บเมื่อใช้ทางทวารหนัก

ข้อดี:

  • ปลอดภัยกว่าเทอร์โมมิเตอร์แบบแข็ง
  • ให้ค่าที่แม่นยำ
  • เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก

ข้อจำกัด:

  • ยังคงต้องสอดเข้าทางทวารหนักซึ่งอาจทำให้สัตว์เลี้ยงเครียด
  • ต้องทำความสะอาดหลังใช้

เทอร์โมมิเตอร์แบบติดหู (Ear Thermometer)

ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการวัดอุณหภูมิผ่านช่องหู ใช้เทคโนโลยีอินฟราเรดในการวัดความร้อนจากเยื่อแก้วหู

ข้อดี:

  • สร้างความเครียดน้อยกว่าการวัดทางทวารหนัก
  • ใช้งานง่ายและรวดเร็ว
  • ไม่ต้องสอดเข้าในร่างกายลึก

ข้อจำกัด:

  • ราคาสูง
  • อาจไม่เหมาะกับสัตว์บางชนิดที่มีช่องหูแคบหรือคดเคี้ยว
  • ความแม่นยำอาจน้อยกว่าการวัดทางทวารหนัก

กล้องถ่ายภาพความร้อน (Thermal Imaging Camera)

เป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่สามารถแสดงภาพความร้อนของร่างกายสัตว์เลี้ยง

ข้อดี:

  • ไม่ต้องสัมผัสตัวสัตว์
  • สามารถเห็นการกระจายตัวของความร้อนทั่วร่างกาย
  • ไม่สร้างความเครียดให้สัตว์เลี้ยง

ข้อจำกัด:

  • ราคาสูงมาก
  • ต้องมีความรู้ในการแปลผล
  • ความแม่นยำอาจน้อยกว่าวิธีอื่น

สำหรับการใช้งานที่บ้าน เทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัลทางทวารหนักที่ออกแบบมาสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะเป็นตัวเลือกที่แนะนำมากที่สุด เนื่องจากมีความแม่นยำสูง ราคาไม่แพง และใช้งานง่าย แต่หากสัตว์เลี้ยงของคุณมีความเครียดสูงเมื่อต้องวัดอุณหภูมิด้วยวิธีนี้ อาจพิจารณาใช้เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรดหรือแบบติดหูแทน

วิธีเช็คอุณหภูมิสัตว์เลี้ยงอย่างถูกต้อง

การเช็คอุณหภูมิร่างกายของสัตว์เลี้ยงอย่างถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำและไม่ทำให้สัตว์เลี้ยงบาดเจ็บหรือเครียด โดยวิธีการจะแตกต่างกันไปตามชนิดของสัตว์เลี้ยงและอุปกรณ์ที่ใช้

วิธีวัดอุณหภูมิทางทวารหนัก (สุนัขและแมว)

  1. เตรียมอุปกรณ์
    • เทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัลสำหรับสัตว์เลี้ยง
    • วาสลีนหรือเจลหล่อลื่นที่ละลายน้ำได้
    • กระดาษทิชชู่หรือสำลี
    • ถุงมือ (ถ้ามี)
    • รางวัล (ขนมสุนัขหรือแมว) สำหรับให้หลังจากวัดเสร็จ
  2. เตรียมสัตว์เลี้ยง
    • ขอให้มีผู้ช่วยจับสัตว์เลี้ยงให้อยู่นิ่ง หากทำคนเดียว ควรจับสัตว์เลี้ยงในท่าที่มั่นคง
    • สำหรับสุนัขขนาดเล็กหรือแมว อาจห่อตัวด้วยผ้าขนหนูเพื่อให้รู้สึกปลอดภัยและเคลื่อนไหวน้อยลง
    • พูดกับสัตว์เลี้ยงด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเพื่อให้ผ่อนคลาย
  3. ทาวาสลีนหรือเจลหล่อลื่น บนปลายของเทอร์โมมิเตอร์เพื่อให้สอดเข้าได้ง่ายและไม่ระคายเคือง
  4. จับหางขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้เห็นทวารหนัก
  5. สอดเทอร์โมมิเตอร์เข้าไปประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดของสัตว์เลี้ยง (ประมาณ 1 ซม. สำหรับสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก และ 2-2.5 ซม. สำหรับสัตว์ขนาดใหญ่) โดยสอดเข้าอย่างนุ่มนวลและช้าๆ อย่าฝืนหากรู้สึกว่ามีแรงต้าน
  6. รอให้เทอร์โมมิเตอร์แสดงผล ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 10-60 วินาที ขึ้นอยู่กับรุ่นของเทอร์โมมิเตอร์ (เทอร์โมมิเตอร์ส่วนใหญ่จะมีเสียงบี๊ปเมื่อวัดเสร็จ)
  7. นำเทอร์โมมิเตอร์ออกอย่างนุ่มนวล และอ่านค่าอุณหภูมิที่แสดงบนหน้าจอ
  8. ทำความสะอาดเทอร์โมมิเตอร์ ด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสม
  9. ให้รางวัลสัตว์เลี้ยง ด้วยขนมหรือคำชม เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อการวัดอุณหภูมิในครั้งต่อไป

วิธีวัดอุณหภูมิด้วยเทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรด

  1. เตรียมอุปกรณ์
    • เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรดสำหรับสัตว์เลี้ยง
    • รางวัลสำหรับสัตว์เลี้ยง
  2. เตรียมสัตว์เลี้ยง
    • ให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในท่าที่สบายและสงบ
    • หากใช้วัดที่หู ควรตรวจดูว่าหูสะอาดไม่มีขี้หูอุดตัน
  3. ทำการวัด
    • สำหรับการวัดที่หู: เปิดช่องหูเบาๆ และสอดปลายเทอร์โมมิเตอร์เข้าไปในช่องหู โดยไม่ต้องสัมผัสกับผนังหู กดปุ่มวัดและรออ่านค่า
    • สำหรับการวัดที่รักแร้: แหวกขนบริเวณรักแร้ออก นำเทอร์โมมิเตอร์ไปจ่อห่างจากผิวหนังประมาณ 1-2 นิ้ว กดปุ่มวัดและรออ่านค่า
    • สำหรับการวัดที่เยื่อบุตา: นำเทอร์โมมิเตอร์ไปจ่อห่างจากดวงตาประมาณ 3-5 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของผู้ผลิต) โดยระวังไม่ให้แสงอินฟราเรดส่องเข้าตาโดยตรง กดปุ่มวัดและรออ่านค่า
  4. อ่านค่าที่แสดงบนหน้าจอ และบันทึกไว้
  5. ให้รางวัลสัตว์เลี้ยง

วิธีวัดอุณหภูมิในกระต่าย

การวัดอุณหภูมิในกระต่ายต้องทำด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากกระต่ายเป็นสัตว์ที่เครียดง่ายและอาจบาดเจ็บได้หากใช้วิธีที่ไม่เหมาะสม

  1. เตรียมอุปกรณ์
    • เทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัลแบบยืดหยุ่นสำหรับสัตว์เลี้ยง
    • วาสลีนหรือเจลหล่อลื่น
    • ผ้าขนหนูหรือผ้าห่อตัว
    • รางวัล (ผักหรือผลไม้ที่กระต่ายชอบ)
  2. ห่อตัวกระต่าย ด้วยผ้าขนหนูหรือผ้าห่อตัวให้เหลือแค่ส่วนท้ายออกมา โดยระวังไม่ให้แน่นเกินไปจนกระต่ายหายใจลำบาก
  3. ทาเจลหล่อลื่น บนปลายเทอร์โมมิเตอร์
  4. สอดเทอร์โมมิเตอร์เข้าทางทวารหนักประมาณ 1 เซนติเมตร อย่างนุ่มนวลและระมัดระวัง
  5. รอให้เทอร์โมมิเตอร์แสดงผล แล้วนำออกอย่างนุ่มนวล
  6. คลายผ้าที่ห่อตัวกระต่าย และให้รางวัลทันที
  7. ทำความสะอาดเทอร์โมมิเตอร์ และเก็บให้เรียบร้อย

วิธีวัดอุณหภูมิในนก

การวัดอุณหภูมิในนกควรทำโดยสัตวแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เนื่องจากนกมีขนาดเล็กและเปราะบางมาก อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องวัดที่บ้าน วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือการใช้เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรด

  1. เตรียมอุปกรณ์
    • เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรดสำหรับสัตว์เล็ก
    • ผ้านุ่มสำหรับห่อตัวนก
  2. จับนกให้อยู่ในท่าที่สบาย โดยห่อตัวด้วยผ้านุ่มเพื่อลดความเครียดและป้องกันการเคลื่อนไหว
  3. นำเทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรดไปจ่อบริเวณผิวหนังที่ไม่มีขน เช่น ใต้ปีก หรือบริเวณที่มีขนบาง โดยให้ห่างจากผิวหนังประมาณ 1-2 นิ้ว
  4. กดปุ่มวัดและรออ่านค่า
  5. ปล่อยนกกลับสู่กรงหรือที่อยู่อาศัยโดยเร็ว เพื่อลดความเครียด

วิธีวัดอุณหภูมิในสัตว์ฟันแทะขนาดเล็ก

การวัดอุณหภูมิในสัตว์ฟันแทะขนาดเล็ก เช่น หนูแฮมสเตอร์ หนูตะเภา ควรทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง

  1. เตรียมอุปกรณ์
    • เทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัลขนาดเล็กแบบยืดหยุ่น หรือเทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรด
    • เจลหล่อลื่น (สำหรับการวัดทางทวารหนัก)
    • ผ้านุ่มสำหรับห่อตัว
    • รางวัล
  2. ห่อตัวสัตว์ด้วยผ้านุ่ม ให้เหลือแค่ส่วนท้ายหรือส่วนที่ต้องการวัด
  3. สำหรับการวัดทางทวารหนัก:
    • ทาเจลหล่อลื่นบนปลายเทอร์โมมิเตอร์
    • สอดเทอร์โมมิเตอร์เข้าไปเพียงแค่ 0.5 เซนติเมตรอย่างนุ่มนวล
    • รอให้เทอร์โมมิเตอร์แสดงผล และนำออกอย่างระมัดระวัง
  4. สำหรับการวัดด้วยเทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรด:
    • นำไปจ่อบริเวณท้องหรือรักแร้ที่มีขนบาง
    • กดปุ่มวัดและรออ่านค่า

คลายผ้าที่ห่อตัวและให้รางวัล เพื่อลดความเครียด

สัญญาณที่บ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงอาจมีอุณหภูมิร่างกายผิดปกติ

นอกจากการเช็คอุณหภูมิโดยตรงแล้ว การสังเกตพฤติกรรมและลักษณะทางกายภาพของสัตว์เลี้ยงก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทราบว่าสัตว์เลี้ยงอาจมีอุณหภูมิร่างกายผิดปกติหรือไม่

สัญญาณของไข้ (อุณหภูมิสูง)

  1. เบื่ออาหาร – สัตว์เลี้ยงที่มีไข้มักจะไม่สนใจอาหาร หรือกินน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
  2. ซึม หรือนอนมากกว่าปกติ – สัตว์เลี้ยงอาจมีอาการเซื่องซึม ไม่กระตือรือร้น ไม่อยากเล่น หรือนอนตลอดเวลา
  3. หอบหรือหายใจเร็ว – สัตว์เลี้ยงอาจหายใจเร็วขึ้นเพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย
  4. จมูกแห้งและร้อน – แม้ว่าจมูกแห้งเพียงอย่างเดียวจะไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ที่แน่นอนของไข้ แต่หากสัตว์เลี้ยงมีจมูกแห้งและร้อนผิดปกติร่วมกับอาการอื่นๆ อาจเป็นสัญญาณของไข้ได้
  5. กระหายน้ำมากผิดปกติ – การดื่มน้ำมากเกินปกติอาจเป็นความพยายามของร่างกายในการลดอุณหภูมิ
  6. ตัวร้อนเมื่อสัมผัส – เมื่อสัมผัสที่ท้อง หู หรือรักแร้ของสัตว์เลี้ยงแล้วรู้สึกว่าร้อนกว่าปกติ
  7. ผิวหนังแดง – ในสัตว์เลี้ยงที่มีผิวหนังสีอ่อนหรือบริเวณที่มีขนบาง อาจสังเกตเห็นว่าผิวหนังมีสีแดงมากกว่าปกติ
  8. สั่น – ในบางครั้ง สัตว์เลี้ยงที่มีไข้อาจมีอาการสั่น แม้ว่าอากาศจะไม่หนาวก็ตาม

สัญญาณของภาวะอุณหภูมิกายต่ำ

  1. สั่นอย่างรุนแรง – สัตว์เลี้ยงพยายามสร้างความร้อนให้กับร่างกายด้วยการสั่น
  2. ซึมมาก ตอบสนองช้า – สัตว์เลี้ยงอาจดูเซื่องซึมอย่างมากและตอบสนองต่อสิ่งเร้าช้ากว่าปกติ
  3. หายใจช้าลง – การเผาผลาญในร่างกายลดลงทำให้การหายใจช้าลง
  4. ผิวหนังเย็นเมื่อสัมผัส – โดยเฉพาะบริเวณหู ขา หรือเท้า
  5. ปลายหู ปลายขา หรือหางเย็น – เนื่องจากร่างกายส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญเป็นหลัก
  6. ริมฝีปากหรือเหงือกซีดหรือเขียว – แสดงถึงการไหลเวียนเลือดไม่ดี
  7. เดินเซหรือเดินล้ม – การทำงานของกล้ามเนื้อและประสาทอาจผิดปกติเมื่อร่างกายเย็นเกินไป
  8. นอนขดตัวเป็นก้อนกลม – พยายามรักษาความร้อนในร่างกาย

เมื่อไรควรพาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์

การรู้ว่าเมื่อไรที่ควรพาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อพบความผิดปกติของอุณหภูมิร่างกาย

ควรพาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์ทันทีหาก:

  1. อุณหภูมิสูงมาก – สุนัขหรือแมวที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส (104 องศาฟาเรนไฮต์) ควรได้รับการตรวจทันที และหากสูงถึง 41 องศาเซลเซียส (106 องศาฟาเรนไฮต์) ขึ้นไปถือเป็นภาวะฉุกเฉิน
  2. อุณหภูมิต่ำมาก – สุนัขหรือแมวที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 37.2 องศาเซลเซียส (99 องศาฟาเรนไฮต์) ควรได้รับการตรวจ
  3. มีไข้นานเกิน 24 ชั่วโมง – แม้จะเป็นไข้ไม่สูงมาก
  4. มีอาการอื่นร่วมด้วย – เช่น อาเจียน ท้องเสีย ไอ จาม อ่อนเพลียมาก เบื่ออาหาร หายใจลำบาก ผิวหนังหรือเยื่อเมือกเป็นสีเหลือง
  5. ชัก – ซึ่งอาจเกิดจากไข้สูงมาก
  6. ประวัติการสัมผัสสารพิษหรืออาหารเป็นพิษ
  7. พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง – เช่น ก้าวร้าวผิดปกติ หรือซึมมากจนไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้า

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนถึงมือสัตวแพทย์

สำหรับภาวะไข้สูง:

  1. เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น (ไม่ใช่น้ำเย็น) โดยเช็ดบริเวณหู รักแร้ ขาหนีบ และเท้า
  2. จัดให้อยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนเกินไป
  3. ให้น้ำสะอาดเพียงพอ แต่ไม่ควรบังคับให้ดื่ม
  4. ไม่ควรให้ยาลดไข้สำหรับมนุษย์ เช่น พาราเซตามอล หรือแอสไพริน เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง

สำหรับภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ:

  1. ห่อตัวด้วยผ้าหรือผ้าห่มที่อุ่น (ไม่ร้อนจัด)
  2. ใช้ขวดน้ำร้อนห่อผ้าวางไว้ใกล้ตัว (ไม่วางโดยตรงบนตัวสัตว์)
  3. ย้ายสัตว์เลี้ยงไปยังที่อบอุ่น ไม่มีลมโกรก
  4. หากสัตว์เลี้ยงยังรู้สึกตัวดี อาจให้น้ำอุ่น (ไม่ร้อน) ดื่มเล็กน้อย

เมื่อสัตว์เลี้ยงมีอาการดีขึ้นแล้ว ควรพาไปพบสัตวแพทย์อยู่ดี เพื่อตรวจหาสาเหตุของอุณหภูมิร่างกายที่ผิดปกติ

สรุป

การเช็คอุณหภูมิร่างกายสัตว์เลี้ยงที่บ้านเป็นทักษะสำคัญที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรเรียนรู้ โดยวิธีที่แม่นยำที่สุดคือการวัดทางทวารหนักด้วยเทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัลสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม วิธีอื่นๆ เช่น การใช้เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรดหรือเทอร์โมมิเตอร์แบบติดหู ก็สามารถใช้ได้ตามความเหมาะสม

เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรทราบว่าอุณหภูมิปกติของสัตว์เลี้ยงของตนอยู่ในช่วงใด เพื่อที่จะสามารถสังเกตความผิดปกติได้ โดยทั่วไป สัตว์เลี้ยงประเภทสุนัขและแมวมีอุณหภูมิร่างกายปกติอยู่ที่ประมาณ 38.3-39.2 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าของมนุษย์

นอกจากนี้ การสังเกตอาการและพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทราบว่าสัตว์เลี้ยงมีอุณหภูมิร่างกายผิดปกติหรือไม่ หากพบว่าสัตว์เลี้ยงมีอุณหภูมิร่างกายสูงหรือต่ำกว่าปกติ ร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็ว

การป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงเกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายผิดปกติเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนจัดหรือหนาวจัด การดูแลและเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงอย่างเหมาะสมจะช่วยให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพที่ดีและมีความสุขในการใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าของ

#สัตว์เลี้ยง #สาระ #อุณหภูมิสัตว์เลี้ยง #เช็คไข้สุนัข #วัดอุณหภูมิแมว #เทอร์โมมิเตอร์สัตว์เลี้ยง #ภาวะร้อนเกินในสัตว์เลี้ยง #ภาวะเย็นเกินในสัตว์เลี้ยง #ปฐมพยาบาลสัตว์เลี้ยง #สุขภาพสัตว์เลี้ยง #อุณหภูมิปกติของสัตว์เลี้ยง

อ่านเพิ่ม
The Palm (copy)
Sidebar
บทความล่าสุด
“บอย-สมภพ” เปิดตัวอัลบั้ม Studio Album ชุดที่ 3 “Vanilla Sky”ประเดิมซิงเกิลแรก “พี่ครับผมเจ็บ” ได้ “หนึ่ง ณรงค์วิทย์” ร่วมฟีทเจอริ่ง!!
ข่าวสาร
“BEYOND THE RAINBOW 2025” โดยเซ็นทรัลพัฒนา นิทรรศการสุดล้ำ ฉลอง Pride Month ชวนทุกคนจินตนาการโลกที่ Beyond Gender เริ่ม 31 พ.ค. – 8 มิ.ย. 2568 ที่เซ็นทรัลเวิลด์
ข่าวสาร
Warner Music Thailand x SmallRoom x Tero Music 3 ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่!! ผนึกกำลังจัดเต็มความมันส์! บุกรั้วโรงเรียน กับ “คอนเสิร์ตศาสตร์ 2025 ศาสตร์ความมันส์ ยกกำลัง3
ข่าวสาร
กลุ่มดุสิตธานีฉลองเปิดตัว ‘ดุสิตปริ๊นเซส มะละกา’ โรงแรมแห่งแรกในมาเลเซีย ชูจุดเด่นใจกลางเมืองมรดกโลกยูเนสโก-พร้อมเผยโฉมพื้นที่จัดประชุมขนาดใหญ่รองรับตลาดไมซ์ หนุนเป้าหมายการท่องเที่ยวรัฐมะละกาก้าวสู่เวทีโลก รองรับงาน UN Tourism 2025 และ Visit Malaysia 2026
ข่าวสาร
เอพี ไทยแลนด์ เผยโฉม “ASPIRE อ่อนนุช สเตชั่น” แฟล็กชิปคอนโดพร้อมอยู่ใหม่ ชีวิตดีๆ รอบด้านกับที่สุดแห่งความเอ็กซ์คลูซีฟ บนทำเลศักยภาพติดถนนสุขุมวิท เริ่ม 4.19 ล้านบาท
ข่าวสาร
รีวิวโครงการ
รีวิว เดอะ ซิกเนเจอร์ สุขุมวิท 77 (The Signature Sukhumvit 77) บ้านหรูระดับ Super Luxury บททำเลอ่อนนุช-ลาดกระบัง
Review
รีวิว เคฟ เพลย์กราวด์ ลาดพร้าว-บดินทรเดชา (Kave Playground Ladprao-Bodindecha) คอนโดใหม่ Fully Furnished ติดบดินทรเดชาฯ ส่วนกลางจัดเต็ม 60 รายการ และโซน Pet-Friendly แยกตึก
Review
รีวิว ศุภาลัย เลค วิลล์ จันทบุรี (Supalai Lake Ville Chanthaburi) บ้านหรูสไตล์ Tropical Modern ใจกลางธรรมชาติริมทะเลสาบกว่า 10 ไร่ พร้อมฟังก์ชันครบครัน รองรับชีวิตระดับพรีเมียมในทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดของจันทบุรี
Review
รีวิว ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง (Supalai River Ville Rayong) บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Tropical Series ฟีลดีติดริมแม่น้ำ ทำเลคุณภาพใจกลางเมืองระยอง
Review
รีวิว ศุภาลัย เบลล่า พระราม 2-วงแหวน ครบครันทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองยุคใหม่ในโซนพระราม 2-สมุทรสาคร
Review
Loading..