บมจ. เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น หรือ ASIAN รายงานผลประกอบการปี 2567 เติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีรายได้รวม 10,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.5% จากปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิพุ่งแตะ 848 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 180.5% จากแรงหนุนของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ขยายตัวต่อเนื่อง บอร์ดฯ มีมติจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติม 0.5603 บาทต่อหุ้น สำหรับผลประกอบการครึ่งหลังของปี 2567 รวมทั้งปี จ่ายปันผลรวม 0.99 บาทต่อหุ้น และตั้งเป้ารายได้ปี 2568 แตะ 11,362 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง 4.9%

นายสมศักดิ์ อมรรัตนชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น หรือ ASIAN เปิดเผยว่า บริษัทสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2567 โดยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นกลุ่มที่ขยายตัวโดดเด่น ยอดขายเพิ่มขึ้น 33% หรือคิดเป็น 37,593 ตัน สร้างรายได้ 6,010 ล้านบาท เติบโต 37% ได้รับแรงหนุนจาก ตลาดสหรัฐและยุโรป ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มกระป๋องและถุงเพาซ์ที่ได้รับความนิยมสูง

ในขณะเดียวกัน ธุรกิจทูน่า อาหารสัตว์น้ำ และอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เผชิญความท้าทายจากสภาวะตลาดที่ผันผวน ทำให้ยอดขายและรายได้ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ASIAN สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับกลยุทธ์การผลิตและการตลาดให้เหมาะสมกับแนวโน้มอุตสาหกรรม ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2567 เพิ่มขึ้นกว่า 2.8 เท่าตัว แตะ 848 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7.9% เทียบกับ 3.2% ในปีก่อน

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับครึ่งปีหลังของปี 2567 อัตรา 0.5603 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น (Record Date) ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 เมื่อรวมกับปันผลครึ่งปีแรกที่จ่ายไปแล้ว 0.4297 บาทต่อหุ้น ทำให้รวมทั้งปี ASIAN จ่ายเงินปันผลทั้งหมด 0.99 บาท ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นอย่างดี 

นายสมศักดิ์ อมรรัตนชัยกุล กล่าวต่อว่า สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวม 11,362 ล้านบาท เติบโต 4.9% โดยมีแรงหนุนจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารสัตว์น้ำที่คาดจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจทูน่าและอาหารทะเลแช่เยือกแข็งจะเน้นบริหารจัดการให้ความเหมาะสมกับภาวะตลาด และวางกลยุทธ์สร้างกำไรที่ยั่งยืน  ASIAN ตั้งเป้ารักษาอัตราการกำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ 16-17% รองรับการเติบโตอย่างมั่นคง โดยในปี 2568 ได้จัดสรรงบลงทุนรวม 1,158 ล้านบาท สำหรับการขยายกำลังการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยแบ่งเป็น 1) ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 1,015 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 และสร้างอาคารผลิตแห่งใหม่ 2) ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ 47 ล้านบาท สำหรับปรับปรุงเครื่องจักรผลิตอาหารกุ้ง และติดตั้งอุปกรณ์สำหรับผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด และ 3) ธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง 96 ล้านบาท สำหรับปรับปรุงหอพักและโรงงานที่สุราษฎร์ธานี รวมถึงการติดตั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่โรงงานจังหวัดเพชรบุรี