นายอนุชิต พิพิธกุล ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนท.) กทม. กล่าวถึงมาตรการเพิ่มความเข้มงวดกวดขันผู้ค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ให้ทิ้งขยะเศษอาหารและไขมันลงท่อระบายน้ำว่า หลังจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครลงพื้นที่ติดตามปฏิบัติการลอกท่อบริเวณถนนสุขุมวิท ซอย 5 ซึ่งได้รับแจ้งมีน้ำท่วมขังในช่วงฝนตกหนัก และพบไขมันอุดตันท่อระบายน้ำจำนวนมาก คาดว่ามาจากร้านอาหารไม่ดักไขมันตามกฎหมายและปล่อยทิ้งน้ำเสีย ซึ่ง สนท. ให้ความสำคัญกับการกวดขันผู้ค้าหาบเร่แผงลอยในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ให้ทิ้งขยะเศษอาหารและไขมันลงท่อระบายน้ำ และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนอย่างเคร่งครัดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 23 ห้ามมิให้ผู้ใดเท หรือทิ้งกรวด หิน ดิน เลน ทราย หรือเศษวัตถุก่อสร้างลงในทางน้ำ หรือกองไว้ หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้วัตถุดังกล่าวไหล หรือตกลงในทางน้ำ และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ใดเท หรือทิ้งสิ่งปฏิกูล มูลฝอย น้ำโสโครก หรือสิ่งอื่นใดลงบนถนนหรือในทางน้ำ ผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. นี้มีโทษปรับเป็นพินัยไม่เกิน 10,000 บาท และตามประกาศ กทม. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขาย หรือจำหน่ายสินค้าบนถนน หรือสถานสาธารณะ ลงวันที่ 29 ส.ค. 67 ได้กำหนดเงื่อนไขไว้ในประกาศ ข้อ 12.18 ห้ามถ่าย เท ทิ้ง น้ำ เศษอาหาร ไขมัน ขยะ สิ่งปฏิกูล หรือมูลฝอย ลงบนพื้น หรือลงท่อ หรือทางระบายน้ำสาธารณะโดยเด็ดขาด และข้อ 12.19 ผู้ทำการค้าต้องจัดทำแผนทำความสะอาดพื้นที่ทำการค้า การจัดการน้ำทิ้ง เช่น น้ำที่ล้างภาชนะ ถ้วยชาม เศษอาหาร ไขมัน ขยะ สิ่งปฏิกูล และมูลฝอย หรืออื่น ๆ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังทำการค้า เสนอให้คณะกรรมการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย ระดับเขต พิจารณาให้ความเห็นชอบและต้องปฏิบัติตามแผนโดยเคร่งครัด และเมื่อเลิกทำการค้าต้องเก็บแผงค้า สินค้า และอุปกรณ์ออกจากพื้นที่ทำการค้าโดยทันที รวมทั้งผู้ค้าที่เข้าทำการค้าในพื้นที่ที่ กทม. อนุญาต หรือจุดผ่อนผันที่มีการปรุงอาหาร หรือมีการเท ทิ้ง น้ำเสีย หรือน้ำจากการประกอบกิจการ จะต้องจัดให้มีถังดักไขมัน โดยกำหนดไว้ในการลงทะเบียนสมัครเข้าทำการค้าและหากไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกตัดสิทธิการทำการค้าต่อไป ขณะเดียวกันได้กำชับให้ทุกสำนักงานเขตกวดขันเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบและบังคับการตามกฎหมายอย่างจริงจัง ทั้งในส่วนของผู้ค้าในจุดผ่อนผันและผู้ประกอบการร้านอาหาร รวมทั้งจะเพิ่มมาตรการการดำเนินการให้แก่สำนักงานเขตอย่างต่อเนื่องต่อไป

นายเจษฎา จันทรประภา ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน.) กทม. กล่าวว่า กทม. มีแผนปฏิบัติการล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำเป็นประจำทุกปี ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กำหนดล้างทำความสะอาดท่อทั้งสิ้น 3,803.6 กิโลเมตร (กม.) แบ่งเป็นถนนสายหลัก 413 กม. และถนนสายรอง ตรอก ซอย 3,390.6 กม. ปัจจุบันล้างทำความสะอาดไปแล้ว 1,285.3 กม. คิดเป็นร้อยละ 33.80 โดยจะเร่งรัดการล้างท่อให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค. 68 เพื่อให้ทันในฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงฝนตกหนัก สำหรับแผนการล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำดังกล่าว ประกอบด้วยการใช้แรงงานคน รถดูดเลน โคลน พร้อมทั้งจัดจ้างกรมราชทัณฑ์ หน่วยงานเอกชน ทั้งในถนนสายหลักและถนนสายรอง ตรอก ซอย และชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต
นอกจากนี้ กทม. ได้กำหนดความถี่การล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ โดยพิจารณาจากความหนาแน่นของประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น ๆ หากเป็นบริเวณหน้าตลาด หรือบริเวณที่มีร้านค้าริมถนนจำนวนมาก หรือพื้นที่ชั้นในเมืองย่านเศรษฐกิจ จะจัดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องล้างทำความสะอาดท่อทุก 6 เดือน และพิจารณาจากความหนาแน่นของประชากรที่อยู่อาศัย หรือการจราจร หากมีปริมาณมากจะจัดให้อยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องล้างท่อทุก 1 ปี และลดลำดับไปเป็นการล้างท่อ 1 ปีเว้นไป 1 ปี และการล้างท่อ 1 ปี เว้นไป 2 ปี ตามลำดับ ทั้งนี้ กทม. ตระหนักถึงความสำคัญในการล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ โดยได้รณรงค์การไม่ทิ้งขยะ เศษอาหาร ไขมัน หรือสิ่งปฏิกูลลงในท่อระบายน้ำ และใช้มาตรการทางกฎหมายควบคู่กันไป เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ
นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) กทม. กล่าวว่า กทม. ให้บริการเก็บขนและกำจัดไขมัน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการทิ้งและกำจัดไขมันไม่ถูกวิธี โดยสำนักงานเขตให้บริการเก็บขนไขมันแก่สถานประกอบการที่เป็นแหล่งกำเนิดไขมันในพื้นที่ และไขมันที่เก็บรวบรวมได้จะนำไปกำจัดและบำบัด ณ โรงงานกำจัดไขมันและแปรรูปไขมัน อ่อนนุช และหนองแขมอย่างถูกสุขลักษณะต่อไป
สำหรับการรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนและสถานประกอบการใช้บริการเก็บขนและกำจัดไขมันของ กทม. ได้ร่วมกับสำนักงานเขตประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแหล่งกำเนิดไขมัน เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สถานศึกษา จุดผ่อนผันในพื้นที่เขตที่จำหน่ายอาหารในการติดตั้งถังดักไขมันและแนะนำการใช้บริการเก็บขนและกำจัดไขมันตามหลักสุขาภิบาล อบรมให้ความรู้ด้านการบริการจัดเก็บไขมันให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีต่อผู้รับบริการ และการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์แนวทางการจัดการไขมันอย่างถูกสุขลักษณะ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนและสถานประกอบการรับทราบผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดกิจกรรมน้ำมันใช้แล้ว แลกน้ำมันใหม่ ทุกวันพุธสิ้นเดือน ณ ศาลาว่าการ กทม. (ดินแดง) เพื่อส่งเสริมการนำน้ำมันพืชใช้แล้วกลับมาใช้ประโยชน์ ลดการทิ้งน้ำมันลงสู่ท่อระบายน้ำ และร่วมกับ สนน. และสำนักงานเขตทั้ง 21 เขต ริมคลองแสนแสบและคลองสาขา ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจ กระบวนการจัดเก็บน้ำมันพืชใช้แล้วและการส่งต่ออย่างถูกวิธี เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ พร้อมให้คำแนะนำและขอความร่วมมือประชาชนไม่เทน้ำล้างภาชนะที่มีเศษอาหาร หรือน้ำมันที่เกิดจากการประกอบอาหารลงสู่ท่อระบายน้ำ หรือลำคลองสาธารณะ ส่งเสริมการติดตั้งถังดักไขมันในครัวเรือนก่อนการปล่อยน้ำทิ้งลงสู่ลำคลองสาธารณะ เพื่อการรักษาความสะอาดของแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนน.) กทม. กล่าวว่า กทม. ได้ออกข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง สถานที่จำหน่ายอาหารและสถานที่สะสมอาหาร พ.ศ. 2565 กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการต้องมีการแยกไขมันไปกำจัดก่อนระบายน้ำทิ้งออกสู่ระบบระบายน้ำ โดยใช้ถังดักไขมัน หรือบ่อดักไขมัน หรือการบำบัดด้วยวิธีอื่นที่มีประสิทธิภาพไม่ต่ำกว่าการบำบัดด้วยถังดักไขมัน หรือบ่อดักไขมัน และน้ำทิ้งต้องได้มาตรฐานตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อบำบัดน้ำเสียจากสถานที่จำหน่ายอาหารขั้นต้น และลดการก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้หากผู้ประกอบกิจการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
นอกจากนี้ สนอ. ได้จัดทำคู่มือการดำเนินงานสุขาภิบาลอาหารในสถานที่จำหน่ายอาหารพื้นที่กรุงเทพฯ ตามข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง สถานที่จำหน่ายอาหารและสถานที่สะสมอาหาร พ.ศ. 2565 เผยแพร่ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและผู้ประกอบกิจการ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินงานตามข้อบัญญัติ กทม. ดังกล่าว และจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เรื่อง บ่อดักไขมันในรูปแบบอินโฟกราฟฟิกเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 68 เพื่อหารือแนวทางการควบคุมกำกับดูแลสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหารให้มีการจัดการไขมันอย่างถูกต้อง โดยที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้ สนอ. จัดทำแนวทางการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข เพื่อให้สำนักงานเขตใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานและให้ทุกสำนักงานเขตกำหนดพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหาการอุดตันของท่อระบายน้ำ หรือมีปัญหาน้ำเน่าเสีย และตรวจสอบสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหารดังกล่าว เพื่อควบคุมกำกับให้มีการจัดการไขมันที่ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. 68 เป็นต้นไป