The Palm (copy)

วิธีป้องกันโรคติดต่อระหว่างสัตว์เลี้ยงทำอย่างไร?

การเลี้ยงสัตว์หลายชนิดในบ้านเดียวกันนั้นสร้างความสุขและเติมเต็มชีวิตครอบครัวได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสุนัข แมว นก กระต่าย หรือสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ ต่างก็มีเสน่ห์และความน่ารักแตกต่างกันไป แต่การอยู่ร่วมกันของสัตว์เลี้ยงหลายชนิดนั้นอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงด้านสุขภาพที่หลายคนอาจมองข้าม นั่นคือ โรคติดต่อระหว่างสัตว์เลี้ยง

โรคติดต่อระหว่างสัตว์เลี้ยงเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงทุกตัวในบ้าน บางโรคสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง เป็นสาเหตุของการเจ็บป่วย การสูญเสียค่ารักษาพยาบาลจำนวนมาก และในกรณีร้ายแรงอาจนำไปสู่การสูญเสียสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก

นอกจากนี้ โรคบางชนิดยังสามารถแพร่จากสัตว์สู่คนได้ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของสมาชิกในครอบครัวด้วย โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคติดต่อที่พบบ่อยระหว่างสัตว์เลี้ยง วิธีสังเกตอาการ และที่สำคัญที่สุดคือ แนวทางการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สัตว์เลี้ยงทุกตัวในบ้านอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขและสุขภาพแข็งแรง

โรคติดต่อที่พบบ่อยระหว่างสัตว์เลี้ยง

1. โรคไข้หัดสุนัข (Canine Distemper)

โรคไข้หัดสุนัขเป็นโรคไวรัสร้ายแรงที่พบในสุนัข แต่สามารถติดต่อไปยังสัตว์ในตระกูลเดียวกันได้ เช่น หมาป่า สุนัขจิ้งจอก และเฟอร์เรต โรคนี้แพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งจากสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรือการหายใจเอาละอองฝอยจากสัตว์ที่ติดเชื้อ

อาการ: เริ่มจากไข้สูง ซึม เบื่ออาหาร ตาแดง น้ำมูกน้ำตาไหล ไอ อาเจียน ท้องเสีย และหากรุนแรงอาจมีอาการทางระบบประสาท เช่น ชัก กล้ามเนื้อกระตุก พฤติกรรมผิดปกติ

การป้องกัน: การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัขตามโปรแกรมที่สัตวแพทย์กำหนดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยลูกสุนัขควรได้รับวัคซีนครั้งแรกเมื่ออายุ 6-8 สัปดาห์ และฉีดกระตุ้นทุก 3-4 สัปดาห์จนอายุ 16 สัปดาห์ หลังจากนั้นให้ฉีดกระตุ้นทุก 1-3 ปีตามคำแนะนำของสัตวแพทย์

2. โรคลิวคีเมียในแมว (Feline Leukemia Virus – FeLV)

โรคลิวคีเมียในแมวเกิดจากเชื้อไวรัส FeLV ที่สามารถแพร่กระจายจากแมวสู่แมวผ่านการสัมผัสน้ำลาย การกัด การเลียขนกัน หรือการใช้ภาชนะอาหารและน้ำร่วมกัน โรคนี้ทำให้ภูมิคุ้มกันของแมวลดลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเม็ดเลือด

อาการ: แมวที่ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่เมื่อโรคลุกลามอาจพบอาการซีด ผอมลง เบื่ออาหาร มีไข้ เหงือกซีด ต่อมน้ำเหลืองโต ติดเชื้อซ้ำซาก และอ่อนแรง

การป้องกัน: ฉีดวัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียให้แมวตั้งแต่อายุ 8-9 สัปดาห์ และฉีดกระตุ้นตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ ควรตรวจเลือดแมวก่อนนำเข้าบ้านเพื่อคัดกรองโรคนี้ แยกแมวที่ป่วยออกจากแมวตัวอื่น และไม่ควรให้แมวออกไปเพ่นพ่านนอกบ้านเพื่อลดโอกาสสัมผัสกับแมวที่อาจมีเชื้อ

3. โรคพาร์โวไวรัสในสุนัข (Canine Parvovirus)

โรคพาร์โวไวรัสเป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงและพบบ่อยในลูกสุนัข เชื้อไวรัสนี้ทนทานมากในสิ่งแวดล้อม สามารถอยู่ในดิน พื้นบ้าน หรือพื้นผิวต่างๆ ได้นานถึง 1 ปี และแพร่กระจายผ่านการสัมผัสอุจจาระของสุนัขที่ติดเชื้อ

อาการ: อาเจียนรุนแรง อุจจาระเป็นเลือด ท้องเสียน้ำมาก เบื่ออาหาร ซึม อ่อนเพลียอย่างมาก ไข้สูง ขาดน้ำอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ลูกสุนัขเสียชีวิตได้ภายใน 48-72 ชั่วโมงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

การป้องกัน: ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพาร์โวไวรัสให้สุนัขตามโปรแกรมที่สัตวแพทย์กำหนด โดยลูกสุนัขควรเริ่มฉีดเมื่ออายุ 6-8 สัปดาห์ และฉีดกระตุ้นทุก 3-4 สัปดาห์จนอายุ 16 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการพาลูกสุนัขที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบไปในที่สาธารณะ และทำความสะอาดพื้นที่ที่สุนัขป่วยเคยอยู่ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสม

4. โรคแคลิไซไวรัสในแมว (Feline Calicivirus)

โรคแคลิไซไวรัสเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของโรคระบบทางเดินหายใจส่วนบนในแมว เชื้อไวรัสนี้แพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งจากจมูกและตาของแมวที่ติดเชื้อ หรือการหายใจเอาละอองฝอยจากการไอหรือจาม

อาการ: จามบ่อย น้ำมูกน้ำตาไหล ตาแดง มีแผลในปากและที่ลิ้น น้ำลายไหลมาก เบื่ออาหารเพราะเจ็บปาก ไข้ และบางกรณีอาจมีอาการปวดข้อ เดินกะเผลกได้

การป้องกัน: ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหวัดแมวซึ่งครอบคลุมโรคแคลิไซไวรัสตามโปรแกรมที่สัตวแพทย์กำหนด แยกแมวที่ป่วยออกจากแมวตัวอื่น และทำความสะอาดพื้นที่และอุปกรณ์ของแมวอย่างสม่ำเสมอ

5. โรคเห็บและหมัด (Ticks and Fleas)

เห็บและหมัดไม่เพียงเป็นปรสิตภายนอกที่ก่อความรำคาญ แต่ยังเป็นพาหะนำโรคร้ายแรงหลายชนิด เช่น โรคไข้เลือดออกในสุนัข (Ehrlichiosis) โรคไข้รากสาดใหญ่ (Rickettsiosis) โรคไข้คิว (Q Fever) และโรคไข้รากสาดทุ่งหญ้า (Rocky Mountain Spotted Fever) ปรสิตเหล่านี้สามารถกระโดดจากสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่งได้โดยง่าย

อาการ: สัตว์เลี้ยงที่มีเห็บหรือหมัดจะมีอาการคันและเกาบ่อย อาจพบรอยแดง ผื่นคัน ขนร่วง และในกรณีที่มีปรสิตจำนวนมากอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ซูบผอม หรือแพ้หมัดอย่างรุนแรงได้

การป้องกัน: ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเห็บและหมัดกับสัตว์เลี้ยงทุกตัวในบ้านอย่างสม่ำเสมอ มีทั้งชนิดหยดหลัง ชนิดรับประทาน และปลอกคอ ซึ่งควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิด ทำความสะอาดบ้านสม่ำเสมอ ซักทำความสะอาดที่นอนและผ้าปูที่นอนของสัตว์เลี้ยงด้วยน้ำร้อน ดูแลสนามหญ้าให้สะอาด ตัดหญ้าสั้น และลดพื้นที่ชื้นแฉะที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของปรสิต

วิธีป้องกันโรคติดต่อระหว่างสัตว์เลี้ยง

1. การฉีดวัคซีนตามกำหนด

การฉีดวัคซีนตามโปรแกรมที่สัตวแพทย์กำหนดเป็นวิธีการป้องกันโรคติดต่อที่มีประสิทธิภาพที่สุด วัคซีนจะกระตุ้นให้ร่างกายของสัตว์เลี้ยงสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคชนิดต่างๆ ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรคหากมีการติดเชื้อ

สำหรับสุนัข วัคซีนที่จำเป็น ได้แก่:

  • วัคซีนรวม 5 โรค หรือ 6 โรค (ป้องกันโรคไข้หัดสุนัข, โรคตับอักเสบติดต่อ, โรคพาร์โวไวรัส, โรคหลอดลมอักเสบติดต่อ และโรคเลปโตสไปโรซิส)
  • วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

สำหรับแมว วัคซีนที่จำเป็น ได้แก่:

  • วัคซีนรวม 3 โรค หรือ 4 โรค (ป้องกันโรคแคลิไซไวรัส, โรคไรโนเทรเคียล และโรคพานลิวโคพีเนีย)
  • วัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมีย (FeLV) สำหรับแมวที่มีความเสี่ยง
  • วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

ควรพาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนตามกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยลูกสัตว์จะเริ่มได้รับวัคซีนเมื่ออายุประมาณ 6-8 สัปดาห์ และฉีดกระตุ้นเป็นระยะตามที่สัตวแพทย์แนะนำ

2. การกักโรคสัตว์เลี้ยงใหม่

เมื่อนำสัตว์เลี้ยงตัวใหม่เข้ามาในบ้าน ควรกักแยกออกจากสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ การกักโรคนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ:

  • สังเกตอาการของสัตว์เลี้ยงใหม่ว่ามีสัญญาณของโรคหรือไม่
  • ให้เวลาสัตว์เลี้ยงใหม่ในการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่โดยไม่ต้องเผชิญความเครียดจากการเจอสัตว์ตัวอื่น
  • ป้องกันการแพร่กระจายโรคหากสัตว์เลี้ยงใหม่มีเชื้อโรคติดตัวมา

ระหว่างช่วงกักโรค ควรจัดพื้นที่แยกสำหรับสัตว์เลี้ยงใหม่ มีอุปกรณ์เฉพาะไม่ปะปนกับสัตว์ตัวอื่น เช่น ชามอาหาร ชามน้ำ ที่นอน กระบะทราย และของเล่น ควรล้างมือหลังจากสัมผัสสัตว์เลี้ยงใหม่ทุกครั้งก่อนไปสัมผัสสัตว์เลี้ยงตัวอื่น และควรพาสัตว์เลี้ยงใหม่ไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด

3. การควบคุมปรสิตภายนอกและภายใน

ปรสิตเป็นพาหะสำคัญในการแพร่กระจายโรคระหว่างสัตว์เลี้ยง จึงควรควบคุมปรสิตทั้งภายนอกและภายในอย่างสม่ำเสมอ:

ปรสิตภายนอก (เห็บ หมัด ไร เหา):

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดปรสิตภายนอกกับสัตว์เลี้ยงทุกตัวในบ้าน โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับชนิด อายุ และขนาดของสัตว์เลี้ยง
  • ทำความสะอาดบ้านสม่ำเสมอ ดูดฝุ่น ซักทำความสะอาดที่นอนและเครื่องนอนของสัตว์เลี้ยงอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
  • ตรวจสอบขนและผิวหนังของสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ หากพบปรสิตให้กำจัดทันที

ปรสิตภายใน (พยาธิตัวกลม พยาธิตัวตืด พยาธิหัวใจ):

  • ถ่ายพยาธิให้สัตว์เลี้ยงตามระยะเวลาที่สัตวแพทย์แนะนำ โดยทั่วไปลูกสัตว์ควรถ่ายพยาธิทุก 2-3 สัปดาห์จนอายุ 3 เดือน และหลังจากนั้นทุก 3-6 เดือนในสัตว์โตเต็มวัย
  • ให้ยาป้องกันพยาธิหัวใจในสุนัขเป็นประจำทุกเดือน
  • เก็บอุจจาระของสัตว์เลี้ยงและทิ้งในถังขยะที่มิดชิดทันที ไม่ปล่อยให้มีอุจจาระตกค้างในบริเวณที่สัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่

4. การรักษาสุขอนามัยในบ้าน

สภาพแวดล้อมที่สะอาดช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อโรคระหว่างสัตว์เลี้ยงได้อย่างมาก ควรปฏิบัติดังนี้:

  • ทำความสะอาดพื้นบ้านเป็นประจำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะบริเวณที่สัตว์เลี้ยงใช้ร่วมกัน
  • ล้างชามอาหารและชามน้ำของสัตว์เลี้ยงทุกวันด้วยสบู่และน้ำอุ่น
  • ทำความสะอาดกรงนก กรงกระต่าย หรือทรายแมวทุกวัน และเปลี่ยนวัสดุรองกรงหรือทรายแมวตามความเหมาะสม
  • ซักทำความสะอาดที่นอน ผ้าปู และเครื่องนอนของสัตว์เลี้ยงอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ด้วยน้ำร้อนและผงซักฟอกที่ไม่มีกลิ่นฉุน
  • ทำความสะอาดของเล่นและอุปกรณ์ต่างๆ ของสัตว์เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ
  • เช็ดเท้าสัตว์เลี้ยงให้สะอาดหลังจากพาออกไปเดินนอกบ้าน

5. การแยกสัตว์เลี้ยงที่ป่วย

เมื่อพบว่าสัตว์เลี้ยงมีอาการป่วย ควรแยกออกจากสัตว์เลี้ยงตัวอื่นทันที เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยการแยกสัตว์ที่ป่วยควรทำดังนี้:

  • จัดพื้นที่เฉพาะสำหรับสัตว์ที่ป่วย ในห้องที่เงียบสงบ อบอุ่น และปลอดโปร่ง
  • ใช้อุปกรณ์แยกเฉพาะสำหรับสัตว์ที่ป่วย และทำความสะอาดอุปกรณ์เหล่านั้นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหลังใช้งานทุกครั้ง
  • สวมถุงมือเมื่อต้องสัมผัสกับสัตว์ที่ป่วยหรืออุปกรณ์ของมัน
  • ล้างมือด้วยสบู่และน้ำอุ่นหลังจากดูแลสัตว์ที่ป่วยเสมอ ก่อนไปสัมผัสสัตว์เลี้ยงตัวอื่น
  • พาสัตว์ที่ป่วยไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด และปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างเคร่งครัด

6. การเลือกอาหารที่มีคุณภาพ

อาหารที่มีคุณภาพดีช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของสัตว์เลี้ยง ทำให้ร่างกายแข็งแรงและต้านทานโรคได้ดีขึ้น ควรเลือกอาหารตามหลักการดังนี้:

  • เลือกอาหารที่เหมาะสมกับชนิด อายุ ขนาด และสภาวะสุขภาพของสัตว์เลี้ยง
  • อ่านฉลากส่วนประกอบและเลือกอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบหลัก
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารกันบูด สี และสารปรุงแต่งที่ไม่จำเป็น
  • ให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป
  • เปลี่ยนอาหารใหม่ตามวันหมดอายุ และล้างภาชนะใส่อาหารทุกวัน
  • เก็บอาหารในที่แห้ง เย็น ป้องกันความชื้นและแมลง

อาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนจะช่วยให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดี ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อต่างๆ หากสัตว์เลี้ยงมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ก็จะมีโอกาสติดเชื้อน้อยลงและหากติดเชื้อก็จะมีอาการไม่รุนแรง

7. การตรวจสุขภาพประจำปี

การพาสัตว์เลี้ยงไปตรวจสุขภาพประจำปีกับสัตวแพทย์เป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญในการป้องกันโรคติดต่อ เพราะสัตวแพทย์จะสามารถตรวจพบความผิดปกติหรือโรคในระยะเริ่มต้นที่เจ้าของอาจไม่สังเกตเห็น การตรวจสุขภาพประจำปีควรประกอบด้วย:

  • การตรวจร่างกายทั่วไป ตรวจฟัน ตา หู ขน ผิวหนัง และอวัยวะภายใน
  • การตรวจปรสิตภายนอกและภายใน
  • การตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต
  • การฉีดวัคซีนกระตุ้นตามกำหนด
  • การปรึกษาเรื่องอาหาร การดูแล และการป้องกันโรค

สัตวแพทย์จะให้คำแนะนำเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยงแต่ละตัว รวมถึงการปรับเปลี่ยนการดูแลตามอายุและสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป การพบสัตวแพทย์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เจ้าของมีความรู้และทักษะในการสังเกตอาการผิดปกติของสัตว์เลี้ยงได้ดีขึ้น

8. การจำกัดการสัมผัสกับสัตว์ภายนอก

การจำกัดการสัมผัสระหว่างสัตว์เลี้ยงของคุณกับสัตว์ภายนอกที่ไม่ทราบประวัติสุขภาพเป็นวิธีการป้องกันโรคติดต่อที่มีประสิทธิภาพ ควรปฏิบัติดังนี้:

  • ไม่ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงออกนอกบ้านโดยไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะแมว
  • เมื่อพาสุนัขออกไปเดินเล่น ควรใช้สายจูงและหลีกเลี่ยงการให้สุนัขสัมผัสกับสุนัขที่ไม่รู้จักหรืออุจจาระของสุนัขอื่น
  • หลีกเลี่ยงการพาสัตว์เลี้ยงไปในสถานที่ที่มีสัตว์รวมตัวกันจำนวนมาก เช่น สวนสาธารณะสำหรับสุนัข หากสัตว์เลี้ยงยังไม่ได้รับวัคซีนครบหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ
  • กรณีที่ต้องฝากสัตว์เลี้ยงไว้ที่โรงแรมสัตว์เลี้ยง ควรเลือกสถานที่ที่มีมาตรฐานด้านสุขอนามัยและมีการคัดกรองประวัติการฉีดวัคซีนของสัตว์เลี้ยงทุกตัวที่เข้าพัก

9. การให้ความรู้แก่สมาชิกในครอบครัว

การป้องกันโรคติดต่อระหว่างสัตว์เลี้ยงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อทุกคนในครอบครัวมีความรู้และความเข้าใจตรงกัน จึงควรให้ความรู้แก่สมาชิกทุกคนเกี่ยวกับ:

  • วิธีการสังเกตอาการผิดปกติของสัตว์เลี้ยง
  • การล้างมือหลังสัมผัสสัตว์เลี้ยงแต่ละตัว
  • การดูแลความสะอาดของอุปกรณ์และพื้นที่ของสัตว์เลี้ยง
  • การจัดการกับสัตว์เลี้ยงที่ป่วย
  • ความสำคัญของการปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์

สำหรับครอบครัวที่มีเด็ก ควรสอนให้เด็กเข้าใจวิธีการสัมผัสและเล่นกับสัตว์เลี้ยงอย่างถูกต้อง รวมถึงความสำคัญของการล้างมือหลังจากสัมผัสสัตว์เลี้ยง การไม่แหย่หรือรบกวนสัตว์เลี้ยงที่กำลังป่วย และการแจ้งผู้ใหญ่เมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ

การสังเกตอาการผิดปกติในสัตว์เลี้ยง

การสังเกตอาการผิดปกติในสัตว์เลี้ยงแต่เนิ่นๆ เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดต่อ เจ้าของควรหมั่นสังเกตสัญญาณต่อไปนี้ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าสัตว์เลี้ยงกำลังป่วย:

อาการทั่วไปที่ควรสังเกต

  1. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน
    • กินอาหารน้อยลงหรือไม่กินเลย
    • ดื่มน้ำมากขึ้นหรือน้อยลงอย่างผิดปกติ
  2. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทั่วไป
    • ซึม ไม่มีแรง นอนมากกว่าปกติ
    • ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมหรือกิจกรรมที่เคยชอบ
    • หงุดหงิด ก้าวร้าวผิดปกติ
    • เคลื่อนไหวน้อยลง หรือไม่ยอมเดิน
  3. ปัญหาระบบทางเดินหายใจ
    • ไอ จาม
    • หายใจลำบาก หายใจเร็ว หรือหอบ
    • น้ำมูกไหล มีเสมหะ
  4. ปัญหาระบบทางเดินอาหาร
    • อาเจียน
    • ท้องเสีย หรืออุจจาระมีเลือดปน
    • ท้องอืด ท้องเฟ้อ
  5. ปัญหาผิวหนังและขน
    • ขนร่วงผิดปกติ ขนหยาบกร้าน ไม่เป็นมัน
    • ผิวหนังอักเสบ เป็นแผล หรือมีตุ่ม
    • เกาตัวมากผิดปกติ
    • มีปรสิตภายนอก เช่น เห็บ หมัด
  6. ปัญหาช่องปากและฟัน
    • กลิ่นปากแรงผิดปกติ
    • น้ำลายไหลมาก
    • เหงือกซีดหรือแดงอักเสบ
  7. ปัญหาตาและหู
    • ตาแดง มีขี้ตามาก น้ำตาไหล
    • ม่านตาขุ่น หรือเปลี่ยนสี
    • หูแดง มีกลิ่นเหม็น หรือมีสิ่งคัดหลั่ง
  8. การเปลี่ยนแปลงของปัสสาวะและอุจจาระ
    • ปัสสาวะบ่อยหรือน้อยกว่าปกติ
    • ปัสสาวะมีเลือดปน หรือมีสีผิดปกติ
    • ถ่ายอุจจาระลำบาก หรือไม่ถ่ายเลย

หากพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรแยกสัตว์เลี้ยงออกจากสัตว์ตัวอื่นทันที และพาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด การวินิจฉัยและรักษาโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยลดความรุนแรงของโรคและป้องกันการแพร่กระจายไปยังสัตว์เลี้ยงตัวอื่น

การป้องกันโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน (Zoonosis)

นอกจากโรคติดต่อระหว่างสัตว์เลี้ยงด้วยกันแล้ว โรคบางชนิดยังสามารถแพร่จากสัตว์สู่คนได้ เรียกว่า “โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน” หรือ “Zoonosis” ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้:

  1. การล้างมือ
    • ล้างมือด้วยสบู่และน้ำอุ่นทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะหลังทำความสะอาดกรงหรือกระบะทราย
    • สอนเด็กๆ ให้ล้างมือหลังเล่นกับสัตว์เลี้ยงทุกครั้ง
  2. การเก็บและกำจัดอุจจาระ
    • เก็บอุจจาระของสัตว์เลี้ยงและทิ้งในถังขยะที่มิดชิดทันที
    • สวมถุงมือเมื่อต้องทำความสะอาดอุจจาระหรือปัสสาวะของสัตว์เลี้ยง
  3. การควบคุมปรสิต
    • ถ่ายพยาธิให้สัตว์เลี้ยงตามกำหนด
    • ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเห็บและหมัดอย่างสม่ำเสมอ
  4. การดูแลบาดแผล
    • หากถูกสัตว์เลี้ยงข่วนหรือกัด ล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที ตามด้วยการฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
    • หากเป็นแผลลึก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก
  5. การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
    • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้สัตว์เลี้ยงตามกำหนด
    • หากถูกสัตว์ที่ไม่ทราบประวัติกัด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
  6. ข้อควรระวังสำหรับกลุ่มเสี่ยง
    • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และสตรีมีครรภ์ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อสัมผัสกับสัตว์เลี้ยง
    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย ปัสสาวะ อุจจาระของสัตว์เลี้ยง
    • ควรให้ผู้อื่นที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรงเป็นผู้ทำความสะอาดกระบะทรายแมวแทน โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อท็อกโซพลาสม่า

สรุป

การป้องกันโรคติดต่อระหว่างสัตว์เลี้ยงเป็นความรับผิดชอบสำคัญของเจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคน การดูแลสุขภาพที่ดีไม่เพียงช่วยปกป้องสัตว์เลี้ยงแต่ละตัว แต่ยังช่วยปกป้องสุขภาพของสัตว์เลี้ยงทุกตัวในบ้านและสมาชิกในครอบครัวด้วย

มาตรการป้องกันที่สำคัญประกอบด้วย การฉีดวัคซีนตามกำหนด การกักโรคสัตว์เลี้ยงใหม่ การควบคุมปรสิต การรักษาสุขอนามัยในบ้าน การแยกสัตว์ที่ป่วย การเลือกอาหารคุณภาพดี การตรวจสุขภาพประจำปี การจำกัดการสัมผัสกับสัตว์ภายนอก และการให้ความรู้แก่สมาชิกในครอบครัว

การสังเกตอาการผิดปกติของสัตว์เลี้ยงและพาไปพบสัตวแพทย์ทันทีเมื่อพบความผิดปกติ จะช่วยให้การวินิจฉัยและรักษาโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว ลดโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อโรค และเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายได้อย่างสมบูรณ์

ด้วยความรู้ ความเข้าใจ และความใส่ใจในการดูแลสัตว์เลี้ยง คุณจะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีความสุขสำหรับสัตว์เลี้ยงทุกตัวในบ้าน ให้พวกเขาได้เติบโตและใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี เป็นเพื่อนคู่ใจของคุณไปอีกยาวนาน

#สัตว์เลี้ยง #สาระ #โรคติดต่อในสัตว์เลี้ยง #การป้องกันโรคสัตว์เลี้ยง #วัคซีนสัตว์เลี้ยง #สุขภาพสัตว์เลี้ยง #การดูแลสัตว์เลี้ยง #โรคหมา #โรคแมว #โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน #พาร์โวไวรัส #ไข้หัดสุนัข #เห็บหมัด #การเลี้ยงสัตว์หลายชนิด #สัตวแพทย์ #สัตว์เลี้ยงปลอดโรค #ภูมิคุ้มกันสัตว์เลี้ยง

อ่านเพิ่ม
The Palm (copy)
House Condo Fair
Sidebar
บทความล่าสุด
“วุ้นเส้นต้นสน” ร่วมกับสโมรสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา ทีมดังระดับประเทศ สนับสนุนรายการใหญ่ “มาดามหลุยส์ วอลเลย์บอลฯ” สร้างแบรนด์คนรุ่นใหม่ รอบรอง รอบชิงฯ ณ เดอะมอลล์ บางแค (copy)
แกรนด์ แอสเสทฯ ตั้งเป้ารายได้ 5,000 ล้าน จากธุรกิจโรงแรมและอสังหาฯ เร่งกระจายการถือหุ้นของ ROH โดยมีผู้สนใจร่วมลงทุน 6 ราย
ข่าวสาร
“วุ้นเส้นต้นสน” ร่วมกับสโมรสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา ทีมดังระดับประเทศ สนับสนุนรายการใหญ่ “มาดามหลุยส์ วอลเลย์บอลฯ” สร้างแบรนด์คนรุ่นใหม่ รอบรอง รอบชิงฯ ณ เดอะมอลล์ บางแค
“วุ้นเส้นต้นสน” ร่วมกับสโมรสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา ทีมดังระดับประเทศ สนับสนุนรายการใหญ่ “มาดามหลุยส์ วอลเลย์บอลฯ” สร้างแบรนด์คนรุ่นใหม่ รอบรอง-รอบชิงฯ ณ เดอะมอลล์ บางแค
ข่าวสาร
กรมวิทย์ฯ บริการ หารือ กรมวิชาการเกษตร เดินหน้าผลักดันระบบบริหารงานวิจัย สู่การจัดการที่มีประสิทธิภาพ
กรมวิทย์ฯ บริการ หารือ กรมวิชาการเกษตร เดินหน้าผลักดันระบบบริหารงานวิจัย สู่การจัดการที่มีประสิทธิภาพ
ข่าวสาร
เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี เชิญชวนชาวจีนในไทยชม “นาจา 2” ร่วมกันทำลายสถิติภาพยนตร์จีนที่สร้างยอดขายสูงสุดของโลก
เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี เชิญชวนชาวจีนในไทยชม “นาจา 2” ร่วมกันทำลายสถิติภาพยนตร์จีนที่สร้างยอดขายสูงสุดของโลก
ข่าวสาร
MediaTek เปิดตัว Dimensity 7400 และ Dimensity 6400 ยกระดับประสิทธิภาพเกม การเชื่อมต่อ และ AI ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
MediaTek เปิดตัว Dimensity 7400 และ Dimensity 6400 ยกระดับประสิทธิภาพเกม การเชื่อมต่อ และ AI ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ข่าวสาร
รีวิวโครงการ
รีวิว ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง (Supalai River Ville Rayong) บ้านเดี่ยวหรู สไตล์ Modern Tropical Series ฟีลดีติดริมแม่น้ำ ทำเลคุณภาพใจกลางเมืองระยอง
Sponsor
รีวิว ศุภาลัย เบลล่า พระราม 2-วงแหวน ครบครันทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ดีไซน์ใหม่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองยุคใหม่ในโซนพระราม 2-สมุทรสาคร
Sponsor
รีวิว ศุภาลัย วิลล์ ปิ่นเกล้า-ศาลายา บ้าน Design ใหม่ พื้นที่ใหญ่ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ทุก Lifestyle เป็นส่วนตัวเพียง 66 แปลง ส่วนกลางครบครัน บนทำเลที่โดดเด่น โซนปิ่นเกล้า-ศาลายา
Sponsor
รีวิว บ้านกรีนเฮ้าส์ รังสิต สเตชั่น-ซ.เวิร์คพอยท์ คอนโดแนวคิดใหม่ สไตล์ทาวน์โฮม 2 ชั้น 2 นอน 2 น้ำ บนทำเลรังสิต-ปทุมฯ ใกล้ทางด่วนฯ, โทลล์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีรังสิต
Sponsor
รีวิว นิรติ ดอนเมือง (NIRATI DONMUEANG) บ้านและทาวน์โฮม NEW SERIES 2.5 ชั้น พร้อมส่วนกลางกว่า 4 ไร่* ที่สุดของทำเลศักยภาพ เพียง 5 นาที* ถึงสนามบินดอนเมือง
Sponsor
Loading..