หมดแล้วกับยุคที่โรงแรมเป็นเพียงที่พักชั่วคราวสำหรับนักเดินท่องเที่ยว ในการเป็นที่อาบน้ำและที่พักผ่อน หรืออาจจะมีการใช้บริการนวดแผนไทยและบริการเสิร์ฟของว่างในห้องพักยามดึกบ้างบางโอกาส

ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังมองหาที่พักที่ไม่เพียงแต่เติมเต็มประสบการณ์การเดินทาง แต่ยังช่วยให้พวกเขาได้สัมผัสวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
นักท่องเที่ยวกลุ่ม “Conscious Travellers” เหล่านี้ เริ่มเห็นเป็นเทรนด์ที่ชัดมากขึ้น จากรายงาน Changing Traveller Report 2025 ของ SiteMinder ซึ่งเป็นการสำรวจเฉพาะด้านที่พักที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ทำการสำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยวกว่า 12,000 คน พร้อมทั้งเป็นผู้นำเทรนด์ให้กับโรงแรมและผู้ให้บริการที่พักอื่น ๆ ที่กำลังมองหาวิธีการรักษาลูกค้าเก่าและเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่
เจาะลึกเทรนด์
การเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ อาจมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
ซึ่งอาจจูงใจให้นักท่องเที่ยวต้องออกไปสำรวจสถานที่ต่าง ๆ ให้มากที่สุด เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปกับการเดินทาง แต่ท่ามกลางค่าครองชีพที่สูงขึ้น หลายคนกลับเลือกที่จะปักหลักอยู่ที่ที่พักของตนเอง
ผลการสำรวจจาก SiteMinder เผยว่า นักท่องเที่ยวมากกว่าครึ่งคาดว่าจะ “ใช้เวลาส่วนใหญ่” หรือ “ใช้เวลาค่อนข้างมาก” ในโรงแรมในปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเพิ่มสูงขึ้นเป็น 65% ในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งไม่ว่าพวกเขาจะวางแผนเดินทางคนเดียวหรือกับเพื่อน ก็ดูเหมือนจะไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจนี้
ความตั้งใจนี้เห็นได้ชัดเจนที่สุดในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่วางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ โดย 29% วางแผนที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในที่พัก เทียบกับ 11% ของผู้ที่วางแผนเดินทางภายในประเทศ
แม้จะขึ้นชื่อเรื่องความชอบผจญภัย แต่ผลสำรวจล่าสุดเผยว่าคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z (อายุ 18-27 ปี) และ Millennials (อายุ 28-43 ปี) กำลังขับเคลื่อนเทรนด์การใช้เวลาพักผ่อนในที่พักมากขึ้น โดยวางแผนที่จะเข้าพักนานกว่ากลุ่มคนรุ่น Gen X (อายุ 44-59 ปี), Baby Boomers (อายุ 60-78 ปี) และ Radio Babies (อายุ 79-96 ปี)
แต่ว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้วางแผนที่จะใช้เวลาพิเศษนี้ภายในโรงแรมไปกับอะไร?
ประสบการณ์สุดพิเศษเหนือการเข้าพัก
หลังจากการเดินทางอันยาวนานบนเครื่องบิน การนวดและขัดผิวอาจเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการเพื่อผ่อนคลายอย่างแท้จริง บริการสปาจึงเป็นประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยว (37%) ต้องการมากที่สุดเมื่อเข้าพัก
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์การทานอาหารสุดหรูและการชิมไวน์ (35%) การแสดงดนตรีสด (35%) และคลาสโยคะหรือนั่งสมาธิ (18%) ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน
นอกเหนือจากอาหารและความบันเทิงแล้ว นักท่องเที่ยวยังให้ความสำคัญกับการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ และการสัมผัสประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด ได้แก่ คลาสทำอาหารประจำท้องถิ้นนั้นๆ (22%) การเล่าเรื่องราว รวมถึงการเต้นรำแบบดั้งเดิม (16%) การทำฟาร์มหรือทำสวน (16%) เรียนภาษา (14%) และการบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญ (13%)
การพักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยนักท่องเที่ยว 16% มองหาโปรแกรมการพัฒนาการนอนหลับ เพื่อช่วยให้พวกเขาพักผ่อนได้ดีขึ้น
สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการจากประสบการณ์การเข้าพักอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละเชื้อชาติ ผลการสำรวจจาก SiteMinder พบว่านักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสำคัญกับประสบการณ์การทานอาหารหรูและการชิมไวน์ (61%) และ สปา (50%) มากที่สุด ในขณะที่ชาวอินเดียสนใจคลาสทำอาหารประจำท้องถิ้น(40%) และการปรับปรุงการนอนหลับ (33%) มากที่สุด
เทรนด์ความคุ้มค่า เน้นประสบการณ์ และใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ท่ามกลางความกังวลด้านเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก “ความคุ้มค่า” และ “ความสะดวกสบาย” ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกที่พัก
เครือโรงแรมและรีสอร์ทขนาดใหญ่ รวมถึงโฮสเทลและโมเต็ลราคาประหยัด (18%) ยังคงเป็นรูปแบบที่พักที่นักท่องเที่ยวนิยมจองในการเข้าพักครั้งถัดไป โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะมองหาที่พักราคาประหยัดมากกว่ากลุ่มคนวัยกลางคนถึงวัยเกษียณ ซึ่งคาดว่ามีรายได้สูงกว่าหรือมีเงินออมมากกว่า
ในทางกลับกัน Gen Z (58%) และ Millennials (57%) มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายมากขึ้นกับการเดินทางครั้งหน้าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งมากกว่า Gen X (35%) หรือ Baby Boomers (28%) โดยกลุ่ม Gen X และ Baby Boomers วางแผนที่จะใช้จ่ายเท่าเดิมหรือน้อยกว่ากับการเข้าพักครั้งถัดไปเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ความแตกต่างทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมยังส่งผลต่อการเลือกที่พักของนักท่องเที่ยวจากประเทศต่าง ๆ อีกด้วย ชาวออสเตรเลียแสดงให้เห็นถึงความรักที่มีต่อธรรมชาติโดยมีแนวโน้มที่จะจองสวนสนุกและสถานที่กางเต็นท์มากที่สุด (11%) ในทางกลับกัน นักท่องเที่ยวชาวจีน (35%) และชาวสิงคโปร์ (32%) ให้ความสนใจโรงแรมบูติกหรือโรงแรมหรูมากที่สุด ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คนไทย (23%) เช่นกัน
นักท่องเที่ยวยังให้ความสำคัญกับการรักษ์โลกผ่านตัวเลือกที่พัก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่กางเต็นท์หรือรีสอร์ทหรู นักท่องเที่ยว 7 ใน 10 คนยินดีจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับการเข้าพักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย ตัวเลขนี้สูงถึง 94% ซึ่งสูงเป็นอันดับสองของโลก รองจากชาวอินโดนีเซีย
“แม้ว่างบประมาณยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ แต่นักท่องเที่ยวกลุ่ม “Conscious Travellers” ก็ยังคงพร้อมที่จะใช้เงินกับสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขา รวมถึงการจ่ายเงินเพิ่มสำหรับที่พักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ” คุณสุภกฤษฎิ์ แผนสมบูรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท SiteMinder กล่าว
“ผู้ให้บริการที่พักควรเห็นสิ่งนี้เป็นสัญญาณว่านักท่องเที่ยวเหล่านี้ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ต่าง ๆ นอกเหนือจากความบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานมากขึ้น”
สิ่งสำคัญพื้นฐานที่ละทิ้งไม่ได้
สำหรับห้องพักส่วนตัว นักท่องเที่ยวยังคงให้ความสนใจและใส่ใจในรายละเอียดพื้นฐาน
โดยหมอนและเครื่องนอน (56%), วิวทิวทัศน์ (53%), การควบคุมอุณหภูมิ (35%), ทีวีและเครื่องเสียง (35%), อ่างอาบน้ำ (30%) และแรงดันน้ำฝักบัว (29%) ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยว 4 ใน 5 คน พอใจที่จะเห็นผ้าเช็ดตัวแขวนไว้ในห้องน้ำ หรือพับหรือม้วนไว้บนเตียง โดยไม่จำเป็นต้องจัดเตรียมผ้าเช็ดตัวในรูปแบบงานศิลปะ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงคือการสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์ที่น่าจดจำ
นักท่องเที่ยวหลายคน (37%) กล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะกลับมาที่โรงแรมอีกครั้งหากโรงแรมมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เช่น อาหารและเครื่องดื่มที่ยอดเยี่ยม บริการสปา หรือกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ โดย 51% ของนักท่องเที่ยวชาวไทย ระบุว่าการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมและการสื่อสารที่ชัดเจนมีความสำคัญ และเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจกลับมาพักอีกครั้ง
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวถึง 20% ยังให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ใกล้ชิดกับวัฒนธรรมและชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย
คุณสุภกฤษฎิ์ กล่าวเสริม “นักท่องเที่ยวในปี 2568 ต้องการให้โรงแรมดูแลสิ่งสำคัญพื้นฐานให้ดี ควบคู่ไปกับการให้บริการพิเศษเพิ่มเติม ซึ่งความสมดุลนี้คือสิ่งที่นักท่องเที่ยวกลุ่ม “Conscious Travellers” ให้ความสำคัญ
“ความสะดวกสบายยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แต่นักท่องเที่ยวก็ต้องการให้โรงแรมผสมผสานประสบการณ์เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นด้วยเช่นกัน”
