แลนดี้ โฮม ประกาศวิสัยทัศน์ปี 2568 ปฏิวัติอุตสาหกรรมรับสร้างบ้านของประเทศไทย ส่งเสริมนวัตกรรมบ้านป้องกันฝุ่น PM 2.5 ตั้งมาตรฐานใหม่ ที่ทุกบ้านในเมืองไทยต้องมี รับมือวิกฤตฝุ่นพิษ พร้อมเดินหน้าสร้าง Ecosystem ธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างสมบูรณ์ยกระดับการใช้ชีวิตของคนไทย ปรับกลยุทธ์ ชู 3 แบรนด์เรือธงรุกตลาดปีนี้ ผลักดันยอดขายปี 2568 ทะยานสู่ 2,700 ล้านบาท
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปี 2567 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์โดยรวม แต่สำหรับ แลนดี้ โฮม ผู้นำตลาดรับสร้างบ้านของเมืองไทย ยังคงรักษาทิศทางการเติบโตและตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 ด้วยการสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่ง ด้วยนวัตกรรมบ้านป้องกันฝุ่น PM 2.5 ที่ช่วยยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัย พร้อมเดินหน้าสร้าง Ecosystem ธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างครบวงจร ตั้งแต่ธุรกิจโรงงานผลิตโครงสร้างสำเร็จรูป,ธุรกิจ Interior ภายใต้แบรนด์ “Rudolf”,ธุรกิจพลังงานสะอาด และธุรกิจระบบเติมอากาศ Fresh Air สร้างบ้านแรงดันบวกป้องกัน PM 2.5 เข้าบ้าน ภายใต้แบรนด์ CAP+ (แคพ พลัส) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและสร้างความแตกต่างจากบริษัทรับสร้างบ้านทั่วไป พร้อมยกระดับการใช้ชีวิตของคนไทย ให้มีบ้านที่อยู่อาศัยที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดี
![](https://homeday.co.th/wp-content/uploads/2025/02/PF-Resize.jpg)
นางสาว พรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา ธุรกิจรับสร้างบ้านในภาพรวมได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง แต่บริษัทยังสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการปรับตัว ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน โดยบริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมที่ 2,200 ล้านบาทในปี 2567 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจและความไว้วางใจจากลูกค้า โดยมีสัดส่วนยอดขายในแต่ละแบรนด์ ดังนี้
- Landy Grand (บ้านระดับ Luxury ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป) คิดเป็น 30% ของยอดขาย
- Landy Home (บ้านขนาดกลาง ราคา 8-20 ล้านบาท) คิดเป็น 45% ของยอดขาย
- Trendy Home (บ้านขนาดเล็ก ราคาไม่เกิน 8 ล้านบาท) คิดเป็น 25% ของยอดขาย
“ในปี 2567 ที่ผ่านมา ธุรกิจรับสร้างบ้านได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ทำให้ตลาดรวมหดตัวลง โดยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาท ลดลงจาก 12,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ประกอบกับราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้นจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น สำหรับแลนดี้ โฮม ได้เตรียมพร้อมปรับตัวเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI ระบบการประมวลผลที่ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการออกแบบ พัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน” นางสาว พรรัตน์กล่าว
ปฏิวัติอุตสาหกรรมรับสร้างบ้านด้วย AI
แลนดี้ โฮม ไม่เพียงแค่เป็นผู้นำตลาดรับสร้างบ้านในประเทศไทย แต่ยังมุ่งสร้างแรงขับเคลื่อนสำคัญในการปฏิวัติอุตสาหกรรม ด้วยการสร้าง Ecosystem ธุรกิจรับสร้างบ้านที่ครบวงจรที่สุด โดยใช้ AI Design System เพื่อออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าได้อย่างแม่นยำ พร้อมนำเสนอนวัตกรรมล้ำสมัย เช่น CAP+ ระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ ป้องกันฝุ่น PM 2.5 และ CJ Sun พลังงานแสงอาทิตย์ ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและรองรับการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้ก้าวไปสู่ยุคดิจิทัลและการก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้แนวคิด “Green Living & ESG” ประกอบด้วย
- โรงงาน NOVA Modular: ยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างด้วยโครงสร้างสำเร็จรูปที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย ช่วยลดปริมาณวัสดุเหลือทิ้ง,ลดการปล่อยฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง,ลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน เพิ่มความแม่นยำ และลดระยะเวลาก่อสร้าง ปัจจุบัน NOVA Modular มีโรงงาน 2 แห่ง ได้แก่ พระราม 2 และวิหารแดง จังหวัดสระบุรี พร้อมแผนขยายสู่ภูมิภาคต่างๆ ในอนาคตอันใกล้ รองรับการผลิตได้ถึง 250,000 ชิ้นต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการสร้างบ้านในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
- Rudolf: บริษัทตกแต่งภายในในเครือแลนดี้ โฮม ที่ช่วยให้การออกแบบภายในเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ด้วย Rudolf Collections ที่มีดีไซน์หลากหลายให้เลือก เช่น Modern, Classic, Minimal พร้อมปรับแบบให้เข้ากับพื้นที่ได้โดยไม่ต้องเสียเวลารอออกแบบใหม่ ประหยัดเวลา คุมงบประมาณได้ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า
- CAP+ (Clean Air Positive Pressure): นวัตกรรมระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ที่ช่วยสร้าง แรงดันบวกภายในบ้าน ป้องกัน ฝุ่น PM 2.5 เชื้อโรค และมลพิษจากภายนอก ไม่ให้เล็ดลอดเข้าสู่ตัวบ้านได้ตั้งแต่แรก ลดปัญหาภูมิแพ้บ้านไม่อับ และเพิ่มคุณภาพอากาศในบ้าน
- CJ Sun ผู้ให้บริการติดตั้ง SOLAR Rooftop สำหรับบ้านลูกค้าแบบครบวงจร มุ่งเน้น การลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานระยะยาว และ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ภายในบ้าน ด้วยแผงโซลาร์เซลล์คุณภาพสูง รับประกันการผลิตไฟฟ้านาน 30 ปี พร้อมอินเวอร์เตอร์รับประกัน 10 ปี ออกแบบและติดตั้งโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ รองรับการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน และมีบริการ After Sales Service ครอบคลุมถึง 3 ปี พิเศษ สำหรับลูกค้าที่สร้างบ้านกับแลนดี้ โฮม รับประกันหลังคา 5 ปี ช่วยให้ลูกค้าประหยัดพลังงานและเพิ่มมูลค่าบ้านในระยะยาวรองรับแนวคิด Green Living และช่วยลด Carbon Footprint สู่อนาคตของที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืน.
แลนดี้ โฮม มุ่งใช้ AI เพื่อเสริมศักยภาพทุกกระบวนการทำงาน ตั้งแต่การวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า การพัฒนา FAQ อัจฉริยะ สำหรับตอบคำถามลูกค้าแบบเรียลไทม์ การใช้ AI ในการออกแบบ Graphic & Visual Content เพื่อสื่อสารแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการประเมิน ต้นทุนก่อสร้างและวัสดุ เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับแบบบ้านและฟังก์ชันที่ตรงใจที่สุด
นอกจากนี้ AI ยังถูกนำมาใช้ในการบริหารโครงการก่อสร้าง ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมต้นทุนและระยะเวลาส่งมอบ พร้อมทั้งปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรับสร้างบ้านไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง
ปรับกลยุทธ์ ชู 3 แบรนด์เรือธงรุกตลาดปี 68
นางสาว พรรัตน์ กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2568 คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ทั้งการลดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีบ้าน แลนดี้ โฮม ยังมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งด้วยกลยุทธ์การขยายตลาดและพัฒนาแบรนด์ในเครือ โดยเฉพาะ 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ Trendy Home, Landy Home และ Landy Grand ให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการที่แตกต่างของผู้บริโภคโดย
- Trendy Home มุ่งเน้น Rebrand ใหม่ให้ทันสมัย ภายใต้แนวคิด “Trendy Home Live in Trend” โดยจะเปิดตัวบ้านแบบใหม่ ในระดับราคาไม่เกิน 3.5 ล้านบาท เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงแบบบ้านสวยราคาคุ้มค่าได้ง่ายขึ้น และในระดับราคา 5 – 8 ล้านบาท ที่มีดีไซน์สวย นวัตกรรมทันสมัย คุณภาพพรีเมียม ในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ ขณะที่มีแบบบ้านยอดนิยมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น Citrine บ้านสวยสไตล์ Modern Luxury หรือ Quartz บ้านสวยสไตล์ Modern Classic พร้อมเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ที่สามารถจอง จ่าย จบได้ในที่เดียว
- Landy Home พร้อมรุกตลาดหัวเมืองใหญ่ โดยเปิดตัวบ้านแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ รองรับทุกความต้องการที่หลากหลายทั้งบ้านชั้นเดียว, บ้าน 2 ชั้น และ 3 ชั้น พร้อมด้วยดีไซน์และฟังก์ชันใหม่ที่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ อาทิ แบบบ้าน Balinese Modern – บ้านชั้นเดียวสไตล์บ้านพักตากอากาศ Rochester – บ้าน 2 ชั้นหลังใหญ่สุดหรู เจาะกลุ่มสำหรับครอบครัวใหญ่ที่มีความภูมิฐาน
- Landy Grand มุ่งขยายตลาดบ้านระดับ Luxury เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหาบ้านพักตากอากาศและ Home Office ที่ให้ทั้งความหรูหราและฟังก์ชันครบครัน พร้อมเปิดตัว แบบบ้านใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม อาทิ แบบบ้าน ORIGAMI บ้านหรู 3 ชั้นกลิ่นอายญี่ปุ่น และแบบบ้าน OMOTESANDO ที่ได้แรงบันดาลใจจากย่านแฟชั่นสุดหรูของญี่ปุ่น
โดยในปีนี้ แลนดี้ แกรนด์ ยังมุ่งขยายตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ที่ต้องการบ้านหรูดีไซน์เฉพาะตัว Exclusive Customize Design ได้แก่ กลุ่มนักธุรกิจและดารา ที่มองหางานออกแบบระดับพรีเมียม ชูจุดเด่น “ออกแบบและก่อสร้างครบวงจร” ให้บริการแบบ One Stop Service ที่ช่วยลูกค้าออกแบบบ้านตามไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคลได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าออกแบบเพิ่ม ด้วยทีม Luxury Designer ของแลนดี้ แกรนด์ มีความเชี่ยวชาญมีประสบการณ์ออกแบบบ้านหรูดูแลคนดังๆ ระดับประเทศมาแล้วหลายท่าน ทำงานร่วมกับ Interior Designer อย่างไร้รอยต่อ พร้อมบริการ Personal Consult ดูแล Project คอยประสานงานกับ Interior รวมถึงส่วนงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องครบจบ โดยทีมงานของแลนดี้ แกรนด์ ยังเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบดูแลการก่อสร้างจนถึงส่งมอบบ้าน พร้อมมาตรฐานโครงสร้างแข็งแรง มั่นใจได้ว่าทุกดีไซน์จะทั้งสวยหรู ปลอดภัย คุ้มค่า ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“แลนดี้ โฮม ยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรับสร้างบ้านของประเทศไทย และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยคาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 2,700 ล้านบาทในปีนี้” นางสาวพรรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย