วิริยะประกันภัย เผยยอดขายรถยนต์ปี 67 ชะลอตัว ดึงเบี้ยประกันรถไฟฟ้า แนะรัฐบาล เดินหน้าพัฒนาสถานีชาร์จ หนุนการใช้รถไฟฟ้า EV
นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงาน อยากเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง # 11 มั่นใจ…ทันใจ…วางใจ มาตรฐานบริการสินไหมทดแทน จาก วิริยะประกันภัย กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ในปี 2567 ลดลงมาก จากตลาดคาดการณ์ยอดขาย 1 ล้านคัน ถึงสิ้นปีขณะนี้ยังไม่ถึง 6 แสนคัน เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว สำหรับเบี้ยประกันภัยรวมของวิริยะยอดรวม 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรถไฟฟ้าเพียง 1,000 ล้านบาท รถยนต์ทั่วไป 29,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็น พ.ร.บ.ภาคบังคับ ของยอดรวม จากเป้าหมาย 38,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยหลักมาจากความไม่มั่นใจของผู้บริโภค ในการตัดสินใจซื้อรถว่า จะเป็นรถสันดาป ไฮบริท หรือ พลังงานไฟฟ้า(EV) อีกทั้งความสะดวกจากโครงสร้างพื้นฐานบริการชาร์จแบตเตอรี่ ความปลอดภัย นโยบายของรัฐบาลสนับสนุนรถไฟฟ้า
วิริยะประกันภัย ยืนยันไม่ปฎิเสธรับประกันรถไฟฟ้า เพื่อรักษาพันธมิตรกับคู่ค้ารายเดิม มุ่งเติมความรู้ งานซ่อมรถไฟฟ้าที่ซับซ้อน ใช้แนวทางรับประกันเหมือนกับรถสันดาบน้ำมัน โดยส่งเจ้าหน้าที่อบรมตามค่ายรถไฟฟ้า เนื่องจากมีความซับซ้อน เพื่อรักษาฐานตลาด ยอมรับว่า แบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า เป็นส่วนประกอบหลักของรถทั้งคัน เพราะราคาสูงถึงร้อยละ 70 ของราคารถทั้งหมด ทำให้เบี้ยประกันรถไฟฟ้ายังสูง วิริยะประกันภัย จึงใช้รูปแบบดูแลเครือข่ายจำหน่ายรถยนต์น้ำมันควบคู่กับรถไฟฟ้าจึงไม่ปฎิเสธการประกันภัยรถไฟฟ้า
สำหรับการเคลมในปี 2567 มียอดเคลม 6 แสนล้านบาท เป็นการเคลมสด จากอุบัติเหตุชนเฉี่ยว 2 แสนเคลม ส่วนที่เหลือเป็นการเคลมนัดหมายไม่มีคู่กรณี ไม่มีการเฉี่ยวชน 4 แสนเคลม ส่วนการเคลมดูแลลูกค้า ประสบปัญหาอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าวิริยะประกันภัย ใช้รถไสลด์ ร่วมเข้าไปช่วยลากจูงรถของลูกค้าติดอยู่ในบ้าน ติดโคลนสูง ร่วมเคลียร์พื้นที่นำรถออกจากบ้าน นำมาซ่อมในช่วงเดือนสิงหาคม–ตุลาคม จำนวน 400 คัน ส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเหตุการณ์ฉุกเฉิน จึงมีรถเสียหายถึง 800 คัน ยอดรวมกับหลาจังหวัด 1,400 คัน รวมเงินเคลม 197 ล้านบาท
โดยปัจจัยดังกล่าว อาจะกระทบเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของกลุ่มวิริยะ ซึ่งบริษัทฯ เคยวางเป้าหมายตั้งแต่ต้นปีไว้ที่ 38,000 ล้านบาท โดยแม้ว่ากลุ่มป้ายแดงจะชะลอตัวลง แต่การต่ออายุประกัยภัยรถยนต์กลุ่มป้ายดำยังมีต่อเนื่อง ซึ่งงานต่ออายุคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% อีกทั้งในช่วงพ.ย.-ธ.ค. จะเป็นช่วงที่ลูกค้าตัดสินใจต่อประกันเป็นจำนวนมาก