เรื่องของค่าไฟเป็นเรื่องที่หลายคนกังวล ในช่วงที่จำเป็นจะต้อง Work from home หรือเรียนออนไลน์ที่บ้าน สมาชิกในบ้านจำเป็นจะต้องเรียน ทำงาน และอยู่ที่บ้านตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของเชื้อ Covid-19 ที่ต้องมีการเปิดไฟ เปิดพัดลม หรือเครื่องปรับอากาศตลอดทั้งวัน รวมทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เรียน และทำงาน บทความนี้จึงขอนำเสนอ 8 วิธีการป้องกันไม่ให้ค่าไฟพุ่งสูงจนควบคุมไม่ได้ เพื่อเป็นไอเดียสำหรับทุกคนที่ต้องการลดภาระค่าไฟกันนะคะ
1. จัดสถานที่ทำงานใหม่เพื่อการประหยัดไฟ
การจัดสถานที่ทำงาน หรือโต๊ะทำงานให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม สามารถทำให้ช่วยลดค่าไฟได้ดี การเลือกสถานที่ทำงาน หรือปรับมุมโต๊ะทำงานให้ไปอยู่ในสถานที่ที่มีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาถึงอย่างเพียงพอ จะสามารถทำให้ช่วยลดค่าไฟได้ในเวลากลางวัน เช่น การย้ายไปนั่งทำงานบริเวณหน้าต่าง หรือระเบียงชายคาบ้าน นอกจากนั้นอาจจะเลือกมุมที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และไม่ร้อนจนเกินไป จะได้ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา
2. การเปลี่ยนหลอดไฟเพื่อประหยัดไฟ
ไฟในห้องเป็นสิ่งที่จำเป็น และจะถูกเปิดอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง work from home เราขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนจากหลอดไฟทังสเตนเป็นหลอดไฟ LED เพราะจะช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่าหลอดแบบธรรมดา นอกจากนั้นยังให้แสงสว่างที่สว่างมากกว่า และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย อีกวิธีหนึ่งคือตั้งตารางเวลาในการเปิด-ปิดไฟในห้องเอาไว้ ถ้าบางห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอก็ไม่จำเป็นจะต้องเปิดไฟตลอด
3. ปรับความเย็นของเครื่องปรับอากาศให้ประหยัดขึ้น
อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับเครื่องปรับอากาศที่บริษัท และ Social Media ต่างๆ แนะนำอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส แต่หารู้ไหมว่าจริงๆแล้วไม่จำเป็นจะต้องเป็น 25 องศาเซลเซียสเสมอไป ถ้าคุณรู้สึกเย็นสบายเมื่อตั้งอุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ก็ไม่มีปัญหาอะไร และยิ่งตั้งอุณหภูมิสูงขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งประหยัดไฟมากขึ้นถึง 10 เปอร์เซ็นต์ต่อ 1 องศาเซลเซียส นอกจากนั้นเราจะต้องดูแลทำความสะอาดเปลี่ยนไส้กรอง น้ำยาแอร์ และล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ การเปิดเครื่องปรับอากาศพร้อมกับพัดลมก็เป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถทำให้ประหยัดไฟได้มากขึ้นเช่นกัน
4. หลีกเลี่ยงการเปิดเครื่องปรับอากาศ
หากอุณหภูมิรอบข้างไม่ได้ร้อนมาก คุณสามารถเปิดพัดลมไม่ว่าจะเป็นพัดลมตั้งพื้น หรือพัดลมเพดาน เพื่อทดแทนการให้ความเย็นของเครื่องปรับอากาศได้ นอกจากนี้การเปิดหน้าต่างยังทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งจะทำให้รู้สึกสบายมากยิ่งขึ้น และยังทำให้ช่วยประหยัดได้อีกมากด้วย
5. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าหลังจากใช้งานเสร็จแล้ว
หลายๆคนยังเข้าใจผิดว่าการปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าจะเป็นการตัดไฟ และทำให้ไม่เสียค่าไฟเพิ่มเติม แต่คุณรู้หรือไม่ว่าถึงแม้ว่าจะปิดสวิตช์ แต่กระแสไฟฟ้ายังคงไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ตามปกติ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องถอดปลั๊กเพื่อที่จะตัดกระแสไฟฟ้าออก นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราแนะนำให้ถอดปลั๊กไฟทุกครั้งที่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสร็จแล้ว เพื่อประหยัดไฟให้มากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องที่ปกติไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ เช่น ไมโครเวฟ เตาอบ หม้อหุงข้าว เป็นต้น และนอกจากนั้นยังทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย รวมทั้งอุปกรณ์อย่างเช่น โน๊ตบุ๊ค ก็ไม่ควรเสียบชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งเอาไว้เกินเวลาที่แบตเต็ม และในบางครั้งก็สามารถใช้ได้ในขณะที่ไม่เสียบชาร์จ ถือว่าเป็นการประหยัดพลังงาน และลดค่าไฟไปได้หลายชั่วโมงเลยทีเดียว
6. เปิดไฟเพียงเฉพาะจุดที่ใช้งานเท่านั้น
หลายๆครั้งเมื่อเราเดินผ่านจุดไหนเราก็จะเปิดไฟตรงนั้นเอาไว้ และไม่ได้ปิด เพื่อที่จะทำให้บ้านดูสว่าง และบรรยากาศดูสดใสขึ้น แต่ถ้าต้องการจะประหยัดไฟควรจะปิดไฟทุกจุดที่ไม่ได้ใช้งานอยู่ หรือเปิดไฟเพียงบางดวงในห้องเท่านั้นถ้าไม่จำเป็นจะต้องใช้สายตามากในขณะนั้นจะช่วยลดค่าไฟไปได้อีกมาก
7. จัดตู้เย็นให้เป็นระเบียบ
ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือนอีกชนิดหนึ่งที่กินไฟค่อนข้างมาก เพราะจำเป็นจะต้องเสียบปลั๊กทิ้งไว้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงนี้หลายๆบ้านก็จะตุนอาหาร และวัตถุดิบในการทำอาหารเอาไว้ในตู้เย็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เปลืองไฟมากยิ่งขึ้นอีก ดังนั้นการจัดพื้นที่ในตู้เย็นให้เหมาะสมก็จะช่วยในการลดค่าไฟได้ดี อาจจะใช้กล่อง หรือการแบ่งสัดส่วนในตู้เย็นให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถหลีกเลี่ยงการเปิดตู้เย็นบ่อยๆ ซึ่งจะทำให้ประหยัดค่าไฟได้อีกมาก
8. ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นสิ่งที่สามารถยืนยันอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านที่ประหยัดไฟตามมาตรฐาน ถ้าสามารถเลือกระหว่างอุปกรณ์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และไม่มี คุณก็ควรจะเลือกชิ้นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ซึ่งสามารถมั่นใจในระดับหนึ่งได้ว่าจะช่วยในการประหยัดไฟมากขึ้น
ไม่ว่าสถานการณ์ของโรคระบาดจะเป็นอย่างไรแต่เรายังคงต้องทำงานต่อไป เพราะฉะนั้นเราจึงควรจะต้องปรับพฤติกรรมของตัวเอง เพื่อไม่ทำให้เราจะต้องกังวล และหนักใจปัญหาในเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งค่าไฟนั้นก็ถือเป็นเงินก้อนที่ค่อนข้างจะใหญ่สำหรับบ้านที่มีผู้อยู่อาศัยหลายคน หรือสำหรับคนที่อยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานานๆ ต่อ 1 วัน เราจึงหวังว่าคุณจะนำเทคนิคเหล่านี้ที่ให้ไว้ นำไปใช้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าไฟที่บ้านของคุณได้ค่ะ