หน้าแรก >รีวิว
<div><div>
<img src="https://pjyjntwzszymfzyqkfvu.supabase.co/storage/v1/object/public/post/content/2018/8/de596b0f-dd27-4830-b9d3-4c4c9fd10ea0.png"
width="600"
height="400"
alt="Homeday"
style="width: 100%; height: "
class="rounded-t" />
</div><div><p><span style="font-weight: 400;">“ทำไมต้องปี 2567?”</span></p><p><span style="font-weight: 400;">หากบอกว่าอีกหน่อย “การลงทุนคอนโดจะเปลี่ยนไป” เพราะคำว่า “รถไฟฟ้าได้ถือกำเนิดจนครบลูป” เช่น รถไฟฟ้าสายสีเขียว(ต่อขยาย), สีน้ำเงิน(ต่อขยาย),สีแดง ,สีชมพู ,สีเหลือง บลา บลา บลา.. แล้วสายอนาคตที่อยู่ขั้นตอนมติ ครม. อีกหลายสายด้วยเช่นกัน แต่! มีอยู่ 1 สาย! ที่บอกเลยว่า “สุดพีค” นั้นก็คือ</span></p></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " /></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " /><div><div>
<img src="https://pjyjntwzszymfzyqkfvu.supabase.co/storage/v1/object/public/post/content/2018/8/9c07733e-2b34-486f-84c4-4e4554fee0f9.png"
width="600"
height="400"
alt="Homeday"
style="width: 100%; height: "
class="rounded-t" />
</div><div><p>เนื่องด้วยแผนเปิดตัวชุดแรกในปี 2567 และจะเป็นเส้นรถไฟฟ้าที่จะมาเคลียร์ทุกความขัดแย้งกับการตัดเชื่อมสถานี Interchangeไปเบาๆซะ 8 สถานี! และเป็นการเชื่อมกรุงเทพฝั่งตะวันตกและตะวันออกให้กลายมาเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันอย่างแท้จริงอีกด้วย แล้วสถานี Interchange ที่ว่ามีสถานีอะไรกันบ้าง? แอดสรุปมาให้แล้วจ้า ดังนี้</p><p>สายสีส้มตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี) กำหนดแล้วเสร็จปี 2566</p><p>1. สถานีมีนบุรี (OR28) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีชมพู (อนาคต) กับสถานีมีนบุรี (PK30)</p><p>2. สถานีลำสาลี (OR20) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (อนาคต) กับสถานีแยกลำสาลี (YL9)</p><p>3. สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ (OR13) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ปัจจุบัน) กับสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ (BN1)</p><p>สายสีส้มตะวันตก (ตลิ่งชัน – ศูนย์วัฒนธรรมฯ) อยู่ระหว่างข้อสรุปตามมติ ครม. (ยังไม่มีกำหนด)</p><p>4. สถานีราชปรารภ (OR9) : Interchange กับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ (ปัจจุบัน) กับสถานีราชปรารภ (A7)</p><p>5. สถานีราชเทวี (OR7) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ปัจจุบัน) กับสถานีราชเทวี (N1)</p><p>6. สถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (OR4) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (อนาคต) กับสถานีผ่านฟ้า (N/A)</p><p>7. สถานีศิริราช (OR2) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (อนาคต) กับสถานีศิริราช (N/A)</p><p>8. สถานีบางขุนนนท์ (OR1) : Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ปัจจุบัน) กับสถานีบางซื่อ (BN9)</p><p>จากภาพปลากรอบ(ประกอบ) ต้องสารภาพตามตรงว่า ปี 2567 นี้ยังไม่สุดน่ะ! เพราะมีเพียงสายสีส้มตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี) ที่จะนำผู้บริโภคที่เจริญแล้วในบริเวณถนนเส้นรามคำแหง เข้า-ออกเมืองได้ง่ายขึ้นนั้นเอง</p><p>แต่! เส้นที่แอดรอมากกว่า คือ สายสีส้มตะวันตก (ตลิ่งชัน – ศูนย์วัฒนธรรมฯ) เนื่องด้วยจะเป็นตัวเชื่อมเส้นเมืองเข้าหากันนั้นเองน่ะ แถมมีอุโมงค์ในตำนานอย่าง “ช่วงสถานีศิรีราช-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” ที่จะเป็นรถไฟฟ้าลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาสายที่สองต่อจากรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บาง นั้นเองครับ ไอหย่ะ! แอดอยากไปลองหมุดใต้น้ำมองเห็นตัวปลาซะครั้งในชีวิตครับ! ฮ่าๆ</p><p>กลับมาเรื่องของเรากันต่อเถอะ! สรุปแอดจะสื่ออะไร? จะบอกว่ารถไฟฟ้าสีส้มมันดีใช่ไหมล่ะ? แล้วไงแจ๊ะ! ฮ่าๆ เอางี้สรุปเลย! จริงๆที่เล่ามามันแค่เกริ่นให้เห็นภาพ แต่คีย์หลักคือ “สายสีส้ม” มันจะเป็นตัวสำคัญที่ทำให้ :</p><p>“การเชื่อมรถไฟฟ้าครบลูป”</p><p>และมันเกิดขึ้นจริงแบบไม่อิงนิยายด้วยน่ะจ๊ะ! และเมื่อมันครบลูป การลงทุนคอนโดมันจะถูกขยายไปกว้างมากขึ้น กับแม่เหล็กใหม่ที่จะเริ่มกระจายไปทั่วกรุงเทพฯทั้งในและนอก รวมถึงต่างชาติที่เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ และมีโอกาสจะขยับขยาย ไม่อยู่แถวอโศก-ทองหล่อก็เป็นได้ ซึ่งวันนี้แอดจะพาทุกคนไปช่วยทำนายอนาคตอีก 6 ปีข้างหน้าไปพร้อมๆกันกับแอดเลยครับ :</p></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " /></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " /><div><div>
<img src="https://pjyjntwzszymfzyqkfvu.supabase.co/storage/v1/object/public/post/content/2018/8/df63f7a1-eeba-4a83-b4be-bf191cc71143.png"
width="600"
height="400"
alt="Homeday"
style="width: 100%; height: "
class="rounded-t" />
</div><div><p>มีหลายผู้เชี่ยวชาญบอกว่า “คอนโดตัวเมือง Never Die” ใครที่ถือที่ดินมารอขาย ก็พร้อมจะมี Dev. รอช้อนกันอย่างไว ต่อให้ราคาจะหนักหน่วงเท่าไรก็ตาม เพราะเชื่อในเรื่องของ %Cap Gain ที่มันโตและดีกว่า หรือจะเรียกง่ายๆว่า มันคือทำเลที่ “ไม่ต้องลุ้น” จะเลือกซื้ออยู่เองหรือลงทุนระยะยาวก็ได้หมด ซึ่งจริงๆแอดเห็นด้วยน่ะ แต่พอเรามาลง Detail กันหน่อยๆเกี่ยวกับเรื่อง :</p><p>“กำลังซื้อเพื่อลงทุนคอนโดตัวเมืองในอนาคต”</p><p>จะเป็น Target Group แบบไหนดีเน้อ? ก็ตอบเลยว่าสำหรับ “คนมีตัง” ซึ่งโดยเฉลี่ยก็ยังมีไม่ถึง 10% ของประเทศปัจจุบันเนอะ หรือถ้าให้แอดนับกลุ่ม “Millionaire” หรือ กลุ่มรวยเร็วจากธุรกิจออนไลน์หรือทำธุรกิจส่วนตัวก็ดี ที่สามารถบรรลุการสร้างเงินออนไลน์จนสำเร็จวิชาขั้นสุดยอดได้ก็จริง</p><p>แต่! มันก็ยังเป็นคนกลุ่มน้อยเช่นเดิมอยู่ดีเนอะ ซึ่งแอดยอมรับว่า “เด็กสมัยนี้รู้จักการลงทุนมากขึ้น” และเริ่มที่จะศึกษาลงทุนตั้งแต่วัยมหาลัยกันเลยทีเดียว! แล้วถามต่อ? จะเอาเงินมาจากไหน? ตอบเลยว่าา.. ไหม้รู้จ้า ฮ่าๆ ดังนั้น “การลงทุนคอนโดราคาไม่สูง” สำหรับการเริ่มต้นมีอสังหาฯ ซะแท่งมันต้องมา และจะเลือกการลงทุน :<br />“คอนโดนอกเมือง ติดรถไฟฟ้าอนาคต ในระยะเดิน”</p><p>นี้คือข้อสรุปของข้อที่ 1 ของแอดนั้นเองจ้า.. เพราะแอดเป็นคนนึ่งที่ไม่ได้มีทุนมากน่ะ แต่ก็คิดจะสร้าง Passive เหมือนคนอื่นนั้นล่ะ ดังนั้นการได้ฟังไอเดียของทุกยุคที่แตกต่าง มันทำให้เรานำมาวิเคราะห์เป็นสไตล์ตัวเองมันก็สนุกดีเช่นกันเนอะ</p></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " /></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " /><div><div>
<img src="https://pjyjntwzszymfzyqkfvu.supabase.co/storage/v1/object/public/post/content/2018/8/c816d3c0-0bda-4d55-9e42-00ab3a072731.png"
width="600"
height="400"
alt="Homeday"
style="width: 100%; height: "
class="rounded-t" />
</div><div><p><br />จากข้อที่ 1 อนาคตคอนโดตัวเมืองจะยิ่งใหญ่ก็จริง! พร้อมกับแม่เหล็กที่รอการปล่อยของในหลายๆพื้นที่ผังเมืองสีแดงก็ดี ซึ่งแอดไม่กล้าเถียงแน่นอนว่าคอนโดตัวเมืองไม่ดี! แต่รู้ไหมว่าการลงทุนคอนโดและได้กำไรจากมัน มันมีสเต็ปง่ายๆ ของการสร้างเงินจากอสังหาฯ 3 ลำดับขั้นตอน คือ</p><p>ลงทุนคอนโดราคาต่ำกว่าตลาด<br />ปล่อยเช่าคอนโดให้เป็นบวก<br />ขายคอนโดเมื่อราคาขึ้น</p><p>จบคอร์สจ้า!! ฮ่าๆ สุดท้ายศึกษามาแทบตาม สรุปก็ทำวนอยู่ 3 ข้อนี้ล่ะครับ! ถถถ+ แต่มันพีค! ข้อไหนรู้ไหม? นั้นก็คือข้อ 2.3 ที่บอกเลยว่าเป็นหัวใจของการลงทุนคอนโดเลยก็ว่าได้ ไอ้พวกข้อ 2.1 และ 2.2 มันเป็นเรื่องการเจรจาล้วนๆ เน้นคุยดีๆ คนขายหัวร้อนหน่อย! เอ้ย! ของร้อน! (หรือรีบขาย) 555 ก็ได้ค่าหนมรายเดือนมาแล้ว เฉลี่ยต่อปีได้บวกเดือนล่ะ 2-3 พันนี้ก็ถือว่า WIN-WIN ในการลงทุนแล้วจ้า<br />แต่ข้อ 2.3 นี้สิคือข้อยาก! ที่ถ้าสมมุติเราคิดลงทุนกับคอนโด 5-10 ล้านบาท! แล้วอนาคตเมื่อเราจะขายออก? เราจะขายใครล่ะ? ซึ่งแอดก็มองว่ามีแค่ 2 กล่มใหญ่ๆ คือ</p><p>“คนรวยประมาณ 10% และนักลงทุนต่างชาติ”</p><p>ซึ่งข้อดีอย่างหนึ่งคือช่วงนี้ไปอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะมีเพื่อนบ้านคือ “นักลงทุนต่างชาติ” มาในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ กับภาษาที่ควรเรียนคือ “ภาษาจีน” ที่ทุกวันนี้แอดก็พูดไม่ได้555 แถแต่ภาษาอังกฤษงูๆปลาๆไปครับ</p><p>สำหรับ LOT แรกที่ปล่อยมาคือ “คนรวยจีน” ซึ่งเค้าทุนเยอะ การลงทุนกับคอนโด Segment 5-10 ล้านบาท มันคงไม่ทำให้รู้สึกคันๆเท่าไร555 แต่อนาคตกับนักลงทุนใหม่ๆ LOT 2 และ 3 และ บลา บลา.. บอกเลยว่า “เริ่มคิดเยอะ” พอคิดเยอะเท่านั้นล่ะ! บวกกับรถไฟฟ้ามันทั่วถึงกันหมดแล้วล่ะก็.. หึๆ แก๊เตรียมตัวเจอพี่จีนหรือนักลงทุนต่างชาติ กระจายล้อมประเทศไทยอีกครั้ง! เป็นสงครามกลางเมืองกันเลยทีเดียว ฮ๋าๆ<br />นั้นก็คือ ต่างชาติจะเริ่มหันไปลงทุนพื้นที่นอกเมืองมากขึ้น และทำให้คอนโดตัวเมืองเหลือผู้ที่จะมาหวังซื้อต่อมือ 2 น้อยลง บวกกับแม่เหล็กใหม่เริ่มไม่มีขึ้นแล้วด้วย เพราะพื้นที่อาจจะเริ่มเต็ม การมาหวัง %Cap Gain บนตัวเมืองก็จะเริ่มอิ่มตัว และขึ้นอย่างช้าๆ สุดท้ายนักลงทุนก็เลือกที่จะ “ลดราคาขาย” กันไปเองและจบด้วยสภาพของ “การซื้อเท่าทุนกับขาดทุน” กันไปนั้นเองครับ น่าสนุกไหมล่ะ? หึๆ</p><p>ลองมาลุ้นอนาคตไปพร้อมๆกันกับแอดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงไหมครับ ซึ่งไม่นับปัจจุบันที่ช่วงนี้ “ยังซื้อขายเปลี่ยนมือ” กันได้น่ะเอ่อ.. หรือถ้าลองไปดูสถานการณ์บนเส้นสีลมดูครับว่า “คำว่าการอิ่มตัว” มันเป็นอย่างไร? ซึ่งปัจจุบันเน้นเป็นการเก็บ Asset ไว้และปล่อยเช่าต่างชาติ มากกว่าการเล่นสั้นเพื่อ %Cap gain ที่โตก็เป็นได้เนอะ</p></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " /></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " /><div><div>
<img src="https://pjyjntwzszymfzyqkfvu.supabase.co/storage/v1/object/public/post/content/2018/8/00a9c0c2-caae-42d2-9279-3f5b53f41626.png"
width="600"
height="400"
alt="Homeday"
style="width: 100%; height: "
class="rounded-t" />
</div><div><p>มาขยายความเพิ่มเกี่ยวกับคำว่า “ต่างชาติบุกไทย” กันอีกซะหน่อย แล้วทำไมต้องประเทศไทยรู้ไหม? ซึ่งให้แอดพูดตรงๆแบบนายกตู๋ไม่มาเรียกแอดไปปรับทัศนคติน่ะ555 นั้นก็คือ “กฎหมายประเทศไทยยังอ่อน” แต่มันไม่ได้หมายความว่า การศึกษาเรื่องกฎหมายไทยไม่ดีน่ะ หลักสูตรมันเหมือนกัน แต่! การนำไปใช้ มันไม่ศักดิ์สิทธิ์พอนั้นเองจ้า และเมืองต่างชาติเก่งๆ ที่เค้าก็รู้เรื่องกฎหมายมาอย่างดีเค้ามองเห็น</p><p>“ช่องว่างของกฎหมายเพื่อการทำเงิน”</p><p>หรืออาจจะเป็นสิ่งที่กฎหมายไทยมี แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมดนั้นเอง หรือการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมันยังมีอยู่จริง ฯลฯ เหมือนแอดจะพูดไปเรื่อยน่ะ! ไหนเอาปริญญามาโชว์สิ ฮ่าๆ แอดไม่มีหรอกจ๊ะ! แต่สิ่งพวกนี้มันเป็น “ภาพรวม” ที่คนทั่วๆไป ที่พอนึกถึงคำว่ากฎหมายไทยก็พอเดาเกมส์ได้ใช่ไหมล่ะ ชิชะ! ฮ่าๆ<br /><br />คำว่า “ต่างชาติอยู่ทุกที่” ก็คือตามแนวรถไฟฟ้าที่มีแหล่งแม่เหล็กที่กำลังงอกนอกเมืองนั้นล่ะครับ แต่เดี๋ยว! อย่าพึ่งมองไปไกลน่ะ! เส้นรถไฟฟ้านอกเมืองที่ว่า แอดก็ยังมองว่าเป็นช่วงระยะห่างประมาณ 5-10 กิโลเมตร จากตัวเมืองหรือแหล่ง CBD นั้นล่ะครับ<br />ดังนั้นใครคิดจะไปลุยลงทุนแบบโครตชานเมืองเนี้ย! กับรถไฟฟ้าที่อยู่ในระหว่างรอมติ ครม. เนี้ย! แก๊รีบกลับมาลงทุนใกล้ๆ เดี๋ยวนี้น่ะเอ่อ!! 555 ความเจริญมันยังไปไม่ถึงน่ะครับพี่น้องครับผม!!</p><p>ซึ่งมันรวมถึงต่างชาติ LOT 2 และ 3 และอีกมากมายในอนาคตเค้าก็เลือกลงทุน “ของถูกที่มีอนาคต” และเป็นสิทธิ์ที่จะได้เลือกล่ะ เช่น เดินทางเพิ่มขึ้นซะ 5-10 นาที แต่ค่าเช่าลดลง 20,000 บาท/เดือน อืม.. มันก็น่าคิดอยู่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ..</p></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " /></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " /><div><div>
<img src="https://pjyjntwzszymfzyqkfvu.supabase.co/storage/v1/object/public/post/content/2018/8/7b1737ae-e351-446c-88a4-a06496047256.png"
width="600"
height="400"
alt="Homeday"
style="width: 100%; height: "
class="rounded-t" />
</div><div><p>คนล่ะอพาร์ทเม้นต์น่ะ แอดแปะเอาฮ่าเฉยๆ 555 ใครๆ ก็บอกว่าถ้าหวัง %Yield สูงให้ลงทุนอพาร์ทเม้นต์ กับอพาร์เม้นต์ทำเลดีที่จะทำให้ได้ Yield 8% ขึ้นอย่างง่ายดายใช่ไหมล่ะ แอดก็คิดน่ะ.. ถ้าสมมุติให้เราเลือกห้องพัก 2 ห้อง ในทำเลเดียวกันระหว่าง :<br />“ห้องเก่า 20 ปี ค่าเช่า 6,000 บาท กับห้องใหม่ 4 ปี ค่าเช่า 7,500 บาท”<br />จะเลือกเช่าอันไหนดีล่ะ? และเชื่อหรือไม่? ว่าปัจจุบันก็ยังคงมีการสร้างอพาร์ทเม้นต์ใหม่เกิดขึ้นในหลายๆทำเลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจริงๆมันก็ไม่ผิดหรอก คนเราคิดได้หลากหลายมุมมองเนอะ เพราะคำว่า :<br />“ต้นทุนมันถูกกว่าคอนโดเยอะ” <br />นั้นล่ะ มันถึงน่าลงทุนอพาร์ทเม้นต์ก็เป็นได้ ร่วมถึงการวาง Segment ให้ถูกต้องในแต่ล่ะกำลังซื้อด้วยเช่นกันครับ พอต้นทุนมันถูก กำไรเยอะไงล่ะ ซึ่งจริงๆมันต่างจากโรมแรมน่ะ สมมุติโรงแรมเก่า 20 ปี ทุกวันนี้ทำไมมันยังดูดี! สิ่งแรกเลยคือเรื่องของ “เครดิตนักท่องเที่ยว” ที่เค้าให้ความเชื่อถือกับโรงแรมมากกว่าอพาร์ทเม้นต์ ทำให้ Agoda หรือ Trivago เป็นตัวช่วยในการสร้างเงินหมุนให้กับเจ้าของโรงแรม ที่พอจะนำเงินกำไรและนำมา :<br /><br />“สร้างเงินหมุนเพื่อปรับปรุงโรงแรมให้ดีขึ้น”<br />ซึ่งตรงกันข้ามกับอพาร์ทเม้นต์ 20 ปี! เมื่อถึงเวลาอันสมควรกับความแก่ที่รอการย่อยสลาย จากช่วงวัยหนุ่มอายุ 1-5 ขวบแรกคงไม่กระทบชีวิตเท่าไร ถึงแม้จะคอนโดใหม่ขึ้นข้างๆ ก็ไม่หวั่น ความห้าวเป้งมันยังมี! ฉันคืออพาร์มเม้นต์ถูกเว้ย! ค่าเช่าถูกกว่าคอนโดแก๊อีก! ทำเลไม่ต่างกัน! ใครไปเช่าคอนโดเนี้ย ถือว่าคิดสั้นน่ะจ๊ะ! ฮ่าๆ แอดก็กวนเค้าไปเรื่อยย!</p><p>แต่พอเริ่มแก่ อพาร์ทเม้นต์เริ่มเก่า สิ่งอำนวยความสะดวกอะไรก็ไม่มี ผู้เช่าก็เริ่มหนีไปบ้าง จะใช้มุกแบบโรงแรม ไปปล่อยอพาร์ทเม้นต์ในเวป Agoda หรือ Trivago บ้างที ก็แลดูไม่น่าสนใจแบบการเช่ารายวันหรือรายเดือนใช่ไหมล่ะ.. พอผู้เช่าเริ่มหายกับตึกเริ่มเก่าก็เข้าโหมดของ “การขายทิ้ง”</p><p>ซึ่งถ้าไหวตัวทัน ก็ยังพอมีนักลงทุนที่เค้ามองเห็นศักยภาพเรื่องทำเลมาซื้อต่อและปรับปรุงตึกให้ดูดีขึ้นได้เนอะ แต่สุดท้ายเมื่อครบ 20 ปี แอดบอกเลยว่า “อยู่ยากขึ้น” ทำไมน่ะเหรอ? ให้นึกถึง “ผู้บริโภคในอนาคต” อย่างเด็กยุค GEN Z ที่จะเป็น “ผู้เช่าอยู่” จะชอบแบบไหนมากกว่ากันครับ</p><p>ทุกวันนี้ยุค GEN Y ถ้าจะเลือกเช่าอยู่ ไม่มีส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวก เดินทางลำบาก เค้าก็เริ่มไม่เอาแล้วน่ะ! บางทียังยอมจ่ายแพงเพื่อให้ได้มาซึ่งความสะดวกสบายก็มีจ้า</p><p>ดังนั้นสรุปว่า อพาร์ทเม้นต์ไม่ดีใช่ไหม? บอกเลยว่าตอนนี้ “ยังไม่สรุป” แต่อนาคตไม่แน่น่ะครับผม! ให้นึกภาพหนัง Sci-fi ในยุคอนาคต และมีตึกเก่าตั้งตรงกลางชุมชนเมืองกับสไตล์การใช้ชีวิตของยุค GEN Y และ Z ที่มันชอบอะไรไวๆ กับเทคโนโลยีทันสมัย ดูอีกทีเนอะ! นั้นล่ะคือคำตอบครับ</p></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " /></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " /><div><div>
<img src="https://pjyjntwzszymfzyqkfvu.supabase.co/storage/v1/object/public/post/content/2018/8/9dcd4d21-1622-4e7a-8e7d-569d4debe329.png"
width="600"
height="400"
alt="Homeday"
style="width: 100%; height: "
class="rounded-t" />
</div><div><p><span style="font-weight: 400;">ปัจจุบัน (Aug-61) โครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EASTERN ECONOMIC CORRIDOR) มันเป็นอะไรที่ซื้ออนาคตกันเช่นเดิม และมันแลเหมือนจะ Over-Supply กันหน่อยๆน่ะ แล้วทำไมมันถึงเป็นอย่างงั้นล่ะ? ทั้งๆที่มีแผนพัฒนาตั้งมากมายที่รอการปล่อยของ</span></p><p><span style="font-weight: 400;">ซึ่งสรุปง่ายๆคือ “ก็มันยังสร้างไม่เสร็จ” ยังไงล่ะแก๊! แต่สื่อนำไปก่อน 2-3 ปี กันแล้วเนอะ! เพื่อบอกให้นักลงทุนเค้ามาซื้ออนาคตกันครับ ซึ่งรวมไปถึง Dev. ที่แห่มาขอขันหมาก จับจองซื้อที่ดินราคาถูกจากชาวบ้านบริเวณรอบข้างด้วยเช่นกัน กับทำเลที่ต้องจินตนาการ ว่า ECC มันจะเกิดบริเวณนี้ ถ้าฉันลงทุนตรงนี้ บอกเลยว่า “รวยเกิ๊น!” ก็เป็นได้ไงล่ะครับ งานหลอกตัวเองต้องมาซะพัก555</span></p><p><span style="font-weight: 400;">แต่พอตัดภาพมาโลกแห่งความเป็นจริง! Supply ที่เกิดขึ้นนับวันนี้ มันไม่รองรับ Demand ที่มันกำลังคืบคลานมาอย่างช้าๆ จนห้องพักที่สร้าง ถึงแม้จะราคาขายจะไม่สูงก็จริง แต่มันก็ล้นเกินตลาดไปแล้วครับ</span></p><p> </p><p><span style="font-weight: 400;">แต่! (อีกแล้ว) เมื่อถึง 2567 ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรถไฟฟ้าสีส้ม แต่เรื่องของรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่จะเชื่อมโซน กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง มันจะทำให้การลงทุนบริเวณนี้มันยิ่งใหญ่มากขึ้นนั้นเองก็เป็นได้ ดังนั้นสิ่งที่ควรจะสนใจต่อ คือ</span></p><p><span style="font-weight: 400;">“การเลือกเวลาการลงทุนที่เหมาะสม”</span></p><p><span style="font-weight: 400;">นั้นเองครับ โดยต้องให้ ECC มันจะเกิดขึ้นจริงๆก่อนเนอะ หรือต้องเห็นการตอกเสาเข็มในพื้นที่ให้ชัดๆกันไปเลย! แล้วเมื่อถึงเวลานั้นก็ให้บวกไปอีกซะ 2-3 ปี ค่อยทำการถอยหรือลงทุนโครงการในทำเลที่สามารถเชื่อมได้ทั้งสนามบิน รถไฟฟ้าความเร็วสูง แหล่งพักผ่อน นั่งชิว ฯลฯ ให้มันได้ความสะดวกในระยะที่เดินทางได้ง่ายนั้นล่ะครับ</span></p></div><div><p><strong>สรุป :</strong> “ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง” ควรศึกษาการลงทุนจากแหล่งที่มีการเติบโตด้วยน่ะจ๊ะ! ซึ่งปัจจุบันรถไฟฟ้าเกิดขึ้นจริงแน่นอนเนอะ แต่กว่าจะผลิดอกออกผลก็อย่างเร็วปี 2567 นั้นล่ะ! ซึ่งมันคงส่งผลให้เห็นภาพแค่ 50-60% เท่านั้น</p><p>ถ้าจะให้ได้เหมือนแบบพี่ยุ่นที่เค้าครบลูปจริงๆน่ะ คงต้องรอไปเลย 15-20 ปีครับ! ก็เป็นได้ครับ ก็นึกดูสิ! กว่าพี่ยุ่นจะได้ขนาดนี้! เค้าคิดเรื่องรถไฟฟ้าใต้ดินเชื่อมให้ครบลูปมาตั้งแต่สมัยไหนแล้ว และกว่าเค้าจะสร้างเสร็จก็ไม่ใช่แปบเดียวใช่ไหมล่ะ แต่ดีที่ประเทศญี่ปุ่น “เค้าร่วมมือร่วมใจกัน” กันดีกว่าประเทศไทยด้วย ทำให้ไม่ค่อยล่าช้าเท่าไรเนอะ</p><p>ส่วนประเทศไทยน่ะเหรอ555 หึๆ อย่าให้เหลาเยอะ! มันเป็นอย่างงี้มาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้วจ้า ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไรครับ เพียงแค่ว่าเด็กยุคใหม่อย่างเรา “ยอมรับไม่ได้” และพยายามจะเปลี่ยนแปลงมันด้วยระบบ “Social” นั้นเองครับผม</p><p>แล้วแอดจะบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำไม? ก็ทุกวันนี้เราอยู่กับเรื่องของ “กระแส” ไงน่ะจ๊ะ! สิ่งที่ต้องทำคือ ตามให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเนอะ และอนาคตบอกเลยว่า “สิ่งปลูกสร้างเพื่อพักอาศัยใหม่ๆ” ที่เกิดมันต้องเป็นการออกแบบ Universal Design ให้สอดคล้องกับยุค Millennials ที่เป็นกลุ่มที่พร้อมจะปรับเปลี่ยน คล่องตัว สร้างสรรค์ และต้องการความจริงใจ มาเป็นลำดับแรกๆเนอะ</p><p>แล้วเมื่อปัจจัยทุกอย่างมันมาครบทั้งรถไฟฟ้า, แหล่งแม่เหล็กใหม่, ECC และเทคโนโลยีที่ทันสมัย มันจะทำให้การลงทุนอสังหาฯ และการสร้างคอนโดใหม่ในอนาคตนั้นเปลี่ยนแปลงไปนั้นเองครับ</p></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " /></div><div style="height: 0; width: "100%"; backgroundColor: " />
Homeday